นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ ไลน์ ประเทศไทย กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจของไลน์ในไทยปี 2559 นี้ ต้องการเป็นมากกว่าแอพพลิเคชั่นแอพ โดยวางตำแหน่ง เป็นแพลตฟอร์มทั้งสำหรับผู้บริโภคทั่วไป รวมถึงองค์กรธุรกิจ

สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป สามารถใช้บริการต่างๆ เพื่อเพิ่มความสุขในชีวิต ขณะที่ลูกค้าองค์กรใช้ไลน์สร้างการรับรู้ เพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มยอดขายให้สินค้าบริการ สามารถทำการซื้อขาย ได้ ในที่เดียวผ่านแอพพลิเคชั่นแชทไลน์ “เรามุ่งพัฒนาบริการด้วยทีมงานไทย เพื่อผู้บริโภคไทย สร้างไลน์ให้เป็นมากกว่าแอพแชท หรือสุดยอดแพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์และธุรกิจแห่งอนาคต”

ปัจจุบัน แบ่งธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่ม หลัก ประกอบด้วย
  1. เกม
  2. คอนเทนท์ (ไลน์ทีวี ไลน์มิวสิค)
  3. องค์กร (ไลน์ออฟฟิศเชียล แอคเคาท์, ไลน์แอท)
  4. ธุรกิจคอมเมิร์ซ (ไลน์กิ๊ฟช้อป)
  5. เพย์เมนท์ (ไลน์เพย์)
  6. อย่างไรก็ดี ท็อป 3 ธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้ในไทย ประกอบด้วย เกม ซึ่งขณะนี้ไทยเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจคอนเทนท์ทั้งทีวีและสติ๊กเกอร์ รวมถึงลูกค้าองค์กรกับบริการออฟฟิศเชียลแอคเคาท์

    บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการเหล่านี้ให้เทียบเท่ากับกับบริการแชทภายในอีก 2-3 ปีข้างหน้า และมีแผนที่จะผนวกบริการ ที่มีอยู่เข้าด้วยกันภายในแอพพลิเคชั่นเดียว ให้ผู้ใช้ใช้งานได้ง่าย

    ปัจจุบัน ไทยเป็นตลาดเป็นอันดับ 2 ของโลก ด้วยผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านราย ดังนั้นวางเป็นตลาดสำคัญ บริษัทแม่ยังวางโจทย์มาว่าต้องสร้างความพิเศษให้เกิดขึ้น เช่น บริการใหม่ๆ เป็นผู้บุกเบิกซึ่งต่อไปต่างประเทศ นำไปใช้ แผนปีนี้จะเพิ่มบุคลากรเข้ามา เสริมทัพ สำหรับปัจจัยบวก การมาของ 4 จี สำคัญมาก โดยเฉพาะแง่การเข้าถึงของผู้บริโภค

    นายอริยะ ระบุว่า ความเคลื่อนไหว ที่น่าจับตามองในโลกดิจิทัลปีนี้ ประกอบด้วย ไทยก้าวสู่การเป็นประเทศที่โทรศัพท์มือถือมีความสำคัญเป็นอันดับแรก (โมบาย เฟิร์ส) ประเมินจากปี 2558 มีผู้ใช้โมบายอินเทอร์เน็ต 40 ล้านราย ปีนี้มีคาดว่าจะแตะ 50 ล้านราย ส่วนไลน์ปีที่ผ่านมามีผู้ใช้งานสัดส่วน 83% ของผู้ใช้โมบายอินเทอร์เน็ต ปีนี้หวังเพิ่มขึ้น

    ข้อมูลระบุว่า คนไทยใช้เวลากับ สมาร์ทโฟนเฉลี่ยสูงถึง 5.7 ชั่วโมงต่อวัน ใช้เวลา แชทกับไลน์นานถึง 83.7 นาทีต่อวัน หรือเฉลี่ยรับข้อความมากกว่าประเทศอื่นๆ 52% รับภาพมากกว่า 114% วีดิโอมากกว่า 85% และ สติ๊กเกอร์มากกว่า 52% จากข้อมูลนี้เห็นได้ว่าคนไทยใช้แอพไลน์หนักมาก

    ดังนั้น เพื่อตอบรับพฤติกรรมดังกล่าวไลน์จะใช้บริการออฟฟิศเชียลแอคเคาท์สำหรับลูกค้าองค์กรสื่อสาร เพิ่มการเข้าถึงด้วย ข้อมูลที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ ในเวลาและช่องทางที่เหมาะสม ตลอดจนเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น

    สำหรับ เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพเน้นโซลูชั่นที่มีความง่าย ใช้งบการลงทุนไม่สูงมากผ่าน ไลน์แอท โดยมีแผนเริ่มเก็บ ค่าบริการต้นเดือนเม.ย.

    อีกเทรนด์ที่น่าสนใจ จากนี้จอสมาร์ทโฟนจะกลายเป็นจอโทรทัศน์ ผลสำรวจบอกว่า 41% ของคอนเทนท์ทีวีและวีดิโอชมผ่านจอทีวี ขณะที่ 31% ชมผ่านผ่านสมาร์ทโฟน ขณะนี้ 80% ของการดูวีดิโอออนไลน์คือวีดิโอ

    นอกจากนั้น พบว่า อีคอมเมิร์ซมีการขยายตัว สูงมาก มากกว่านั้นผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้ เอ็มคอมเมิร์ซ และโซเชียลคอมเมิร์ซซื้อสินค้าและบริการ เมื่อปีที่ผ่านมาการซื้อขายออนไลน์ผ่านโมบายดีไวซ์มีสัดส่วนมากถึง 60%

    ขณะที่ เทรนด์สุดท้ายปีนี้ มีการขยายโอกาสทางธุรกิจจากออนไลน์สู่ออฟไลน์(โอทูโอ) โดยใช้สื่อออนไลน์ผลักดันให้เกิดทราฟฟิก

    อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ดาวน์โหลดแอพเฉลี่ยเพียง 39 แอพต่อหนึ่งดีไวซ์ และใช้งานจริงเพียง 17 แอพ ฉะนั้นไลน์จะใช้แนวทางการนำแอพเข้ามาผนวกรวมกันเป็นแอพเดียวเพื่อตอบโจทย์

    ขอบคุณข้อมูล จาก : มติชน ออนไลน์