เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปราถกฐาพิเศษเรื่อง”แนวทางพัฒนาเศรษฐกิจรากฐานตามแนวทางประชารัฐ” ว่า กรอบวงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท จะกระจายการลงทุนไปในพื้นที่ต่างๆในต่างจังหวัดและผลักดันให้เกิดการพัฒนาในท้องถิ่น และภูมิภาคอย่างทั่วถึง ซึ่งจะเป็นแนวทางการขับเคลื่อนจากอดีตที่ 30-40 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาในภาคอุตสาหกรรมซึ่งแม้จะทำให้ประเทศพัฒนาขึ้นมาและขยับขึ้นสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง แต่พบว่าประชาชาชนจำนวนมากยังประสบความยากลำบากโดยเฉพาะในภาคเกษตร ที่ยังคงเป็นเกษตรกรรมที่ผลิตวัตถุดิบไม่มีการแปรรูป และได้รับผลกระทบสูงเมื่อราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงรุนแรง
นาย สมคิด กล่าวว่า ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มีโครงการสินเชื่อผ่านกองทุนหมู่บ้าน 6 หมื่นล้านบาทลงไปเพื่อหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ แต่เท่านั้นไม่เพียงพอเพราะไม่ยั่งยืนจึงเสนอโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณา ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เห็นด้วย ที่จะให้มีโครงการเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนและภาคเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีอำนาจต่อรองมากยิ่งขึ้น “ขณะนี้มีโครงการยื่นเข้ามาแล้ว 33,899 โครงการ จาก 30,000 กว่าหมู่บ้าน แต่เราก็ต้องกรองอะไรเหมาะสมก็อนุมัติ อะไรไม่เหมาะสมก็จะให้ไปปรับปรุง กองทุนหมู่บ้านเองก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเงินที่ลงไปแล้วมีการใช้อย่างมีประสิทธิภาพจริง ผมเชื่อว่า โครงการนี้ซึ่งเป็นโครงการที่คิดและสะท้อนความต้องการมาจากชุมชนจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชุมเรียนรู้ทั้งสิทธิและหน้าที่มีชุมชนที่เข้มแข็ง แล้วจะทำให้การเมือง ประชาธิปไตยเข้มแข็งได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่รอแต่ว่าประชาธิปไตยต้องมาๆ ถ้าไม่ทำอะไรก็ถูกหลอกไปวันๆ นั่นแหละ โครงการนี้จะทำให้เกิดการเรียนรู้และเป็นก้าวสำคัญให้ประเทศไปสู่ประชาธิไตยที่สมบูรณ์” นาย สมคิด กล่าว ขอขอบคุณข้อมูล จาก : มติชน