พีกครั้งที่ 6 ของปี ที่ 29,403.7 เมกฯ ซึ่งติดต่อกัน 4 วัน เหตุจากอากาศที่ร้อนจัด 37.8 องศาเซลเซียส ด้านราคาน้ำมัน ปรับขึ้น 50 สตางค์/ลิตร ขณะที่ ปตท.สผ.เผยผลกำไรลด 41%

นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า วันที่ 28 เม.ย.59 เวลา 14.23 น. ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) อยู่ที่ 29,403.7 เมกะวัตต์ ทำลายตัวเลขการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในปีนี้เป็นครั้งที่ 6 ที่อุณหภูมิ 37.8 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงขึ้นจากพีก ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 27 เม.ย.59 ที่ 29,249.4 เมกฯ สาเหตุสำคัญมาจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ และเกิดฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ประกอบกับเป็นช่วงวันทำงานปกติ รวมถึงเป็นช่วงเวลาปิดภาคเรียน

ในส่วนของกำลังผลิตรองรับพร้อมจ่ายนั้น มีความมั่นคงเพียงพอ เนื่องจากมีปริมาณไฟฟ้าสำรองที่ประมาณ 10-15% หรือไม่ต่ำกว่า 32,000 เมกฯ อย่างไรก็ดี หากมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ กฟผ. ได้มีการเตรียมพร้อมจะทำหน้าที่ดูแลกำลังผลิตไฟฟ้าและเชื้อเพลิงให้เพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ โดยสำรองน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้าราชบุรีและโรงไฟฟ้าบางปะกง รวมถึงให้ บมจ.ปตท.สำรองก๊าซธรรมชาติ เพื่อรองรับสถานการณ์

ขณะเดียวกันรายงานข่าวจาก บมจ. ปตท. และ บมจ.บางจากฯ ระบุว่าได้มีการประกาศขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด 50 สตางค์/ลิตร ยกเว้น E85 ขึ้น 30 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้มีราคาใหม่ดังนี้ เบนซิน 95 ราคา 31.96 บาท/ลิตร ดีเซลราคา 23.89 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 24.58 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 25.00 บาท/ลิตร E20 ราคา 22.44 บาท/ลิตร และ E85 ราคา 18.49 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.59 เวลา 05.00 น.

ด้านนายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2559 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 157 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเทียบเท่า 5,624.81 ล้านบาท ลดลง 41%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 264 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเทียบเท่า 8,616.31 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

โดยไตรมาส 1/2559 บริษัทมีรายได้รวม 1,093 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 38,989 ล้านบาท ลดลง 360 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบโลก โดยราคาขายเฉลี่ยไตรมาสนี้อยู่ที่ 35.08 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากไตรมาส 1/2558 ที่ 48.95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนปริมาณการขายอยู่ที่ 329,858 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจาก 315,851 บาร์เรล/วันในช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับ แนวโน้มภาพรวมธุรกิจปี 2559 ราคาน้ำมันดิบเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อผลประกอบการของ ปตท.สผ.มองว่าราคาน้ำมันดิบนับจากนี้จะสูงกว่าไตรมาส 1/2559 เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ในสหรัฐอเมริกาปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและความต้องการใช้น้ำมันจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามสภาพเศรษฐกิจของโลกที่ขยายตัวขึ้น โดยประเมินความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกปี 2559 อาจสูงขึ้นกว่าปี 2558 ประมาณ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน.

ขอบคุณข้อมูลจาก : thaipost