"อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ" จุดศูนย์กลางคมนาคมของกรุงเทพฯ อีกหลายเรื่องที่คุณยังไม่รู้?
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่เดิมถูกสร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของทหาร, ตำรวจ และพลเรือนที่เสียชีวิตในกรณีพิพาทระหว่างประเทศไทยกับประเทศฝรั่งเศสเมื่อครั้งมีการปรับปรุงพรมแดนไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศส แต่เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นจุดตัดของถนนพญาไทและถนนพหลโยธิน โดยสมัยนั้นผู้คนให้ชื่อเรียกว่า “สี่แยกสนามเป้า” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในด้านการคมนาคมอยู่แล้ว การออกแบบและวางผังบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จึงได้ถูกกำหนดให้เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการขนส่งของกรุงเทพมหานครจนถึงปัจจุบันนั่นเอง
ศูนย์กลางจุดเปลี่ยนถ่ายการคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ
ปัจจุบันบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิคือจุดเปลี่ยนถ่ายทางคมนาคมที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของการขนส่งภายในเมืองกรุงเทพฯ โดยระบบการวางผังของพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้แบ่งเป็น 4 ด้าน และเรียกแต่ละด้านว่า “เกาะ” ซึ่งประกอบไปด้วย
เกาะพหลโยธิน : อยู่ทางทิศเหนือของวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีถนนพหลโยธินเป็นเส้นทางหลัก โดยบริเวณเกาะนี้สามารถเดินทางด้วยรถเมล์ และรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่เชื่อมไปยังสถานีขนส่งหมอชิต ซึ่งเป็นสถานีหลักในการเดินทางไปสู่ภาคเหนือและภาคอีสานได้อีกด้วย เกาะดินแดง : อยู่บริเวณตรงข้ามกับเกาะพหลโยธิน บริเวณนี้มีรถเมล์ห้บริการ มีถนนราชวิถีและถนนดินแดงเป็นเส้นทางหลัก สามารถเชื่อมต่อกับถนนวิภาวดี, ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษเฉลิมมหานคร ซึ่งหากเดินทางด้วยรถยนต์ก็จะสามารถออกไปสู่ถนนรอบนอกได้อย่างสะดวกและหลีกเลี่ยงปัญหารถติดได้เป็นอย่างดี เกาะพญาไท : สามารถเดินทางด้วยรถเมล์และรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว มีถนนพญาไทเป็นเส้นทางหลักนำไปสู่ถนนที่สำคัญอย่าง ถนนศรีอยุธยา, ถนนเพชรบุรี และถนนพระราม1 ได้ ทำให้สามารถเดินทางเข้าเขตเมืองชั้นในและพื้นที่พาณิชยกรรมที่สำคัญของกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวก เกาะราชวิถี : บริเวณนี้สามารถเชื่อมสู่สวนดุสิตไป เขตพระนครย่านเมืองเก่าชั้นในของกรุงเทพฯ เรื่อยไปจนถึงฝั่งปิ่นเกล้าได้อย่างสะดวกด้วยถนนราชวิถี โดยช่องทางนี้เป็นเส้นทางที่สามารถเชื่อมกับถนนอีกหลายเส้นที่ใช้สัญจรภายในเขตเมืองชั้นใน
Lifestyle Center ของขาจรนับหมื่นคนต่อวัน
เนื่องจากการเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายทางการขนส่งหลักของการคมนาคมภายในเมือง ทำให้ปริมาณการจราจรรวมไปถึงผู้ใช้บริการในสถานที่นี้ มีปริมาณมากกว่าหมื่นคนตลอดช่วงวันจนช่วงดึก การพัฒนาที่ดินในบริเวณนี้จึงเป็นอีกแหล่งที่มีการพัฒนาด้านพาณิชกรรมเืพื่อรองรับความต้องการที่หนาแน่น โดยบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีการให้บริการรองรับหลายระดับ ตั้งแต่ระดับร้านค้าข้างทางไปจนถึงศูนย์การค้า อาทิเช่น Victory Mall, Center One Shopping Plaza, Century Mall, King Power Complex, The Season Mall และ Fashion Mall เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้บริการในสถานที่เหล่านี้ก็ไม่ได้มีแต่นักเดินทางขาจรเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้ที่อยู่อาศัยทั้งในบริเวณและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งพื้นที่โดยรอบบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเอง ก็เป็นแหล่งงานและแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญอีกพื้นที่หนึ่งของกรุงเทพมหานครเช่นกัน
แหล่งรวมสถาบันทางการแพทย์และแหล่งงานของบุคลากรคุณภาพ
เมื่อพิจารณาจากรัศมี 3 กิโลเมตรโดยรอบพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เริ่มต้นจากถนนพหลโยธิน (สถานีรถไฟฟ้าอารีย์) ไปตามถนนพญาไทบรรจบกับถนนเพชรบุรี ภายในกรอบพื้นที่ขนานของถนนทางพิเศษศรีรัชและถนนทางพิเศษเฉลิมมหานคร จะเห็นได้ว่ามีอาคารใหญ่ตั้งอยู่หลากหลายประเภท โดยสามารถแบ่งประเภทอาคารออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 4 ประเภท ได้แก่ อาคารสำนักงาน (Office Building), โรงพยาบาล (Hospital), อพาร์ทเมนท์ (Apartment) และโรงแรม (Hotel) โดยอาคารสำนักงานที่สำคัญในบริเวณนี้ ได้แก่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, กรมการสารวัตรทหารบก, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กรมแพทย์ทหารบก, อาคารสำนักงาน SM Tower, อาคารสำนักงาน ศิริภิญโญ และอาคารสำนักงาน CP Tower3
อีกทั้งจุดเด่นที่สุดของพื้นที่นี้คือ การเป็นแหล่งรวมของโรงพยาบาลชั้นนำกว่า 10 แห่ง คือโรงพยาบาลศูนย์มะเร็งกรุงเทพ, โรงพยาบาลพญาไท2 อินเตอร์เนชันแนล, โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี, โรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์, โรงพยาบาลพญาไท1, โรงพยาบาลสงฆ์, โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลวิชัยยุทธ
นอกจากนั้นยังมีสถาบันการศึกษาและสถาบันทางการแพทย์ จำนวน 6 แห่ง ซึ่งรองรับนักเรียนนักศึกษาอยู่ทั่วพื้นที่อีกด้วย นั่นคือ โรงเรียนศรีอยุธยาในพระอุปถัมภ์, โรงเรียนจิตรลดา, ศูนย์กวดวิชาวรรณสรณ์, วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก, วิทยาลัยแพทย์พระมงกุฎเกล้า และมหาวิทยาลัยมหิดล (เฉพาะสายการแพทย์ โรงพยาบาล เท่านั้น) รวมจำนวนนักเรียน นักศึกษา และบุคลากรกว่า 4,000 คน
แหล่งรวมหอพักนักศึกษา อพาร์ทเมนท์ และโรงแรม 3 ดาว มากที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร
จากปัจจัยข้างต้นส่งผลให้พื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบริเวณโดยรอบในรัศมี 3 กิโลเมตร เป็นอีกหนึ่งแหล่งที่รวบรวมบุคลากรคุณภาพ ซึ่งมีระดับรายได้ตั้งแต่ระดับปานกลางไปจนถึงสูง ในอัตราค่าเช่า 7,000 – 15,000 บาทต่อเดือนนั้น มีอัตราการเข้าพักสูงถึงร้อยละ 80 โดยกลุ่มผู้เช่าหลักจะเป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่มีแหล่งงานอยู่ในย่านนี้ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ทำงานในหน่วยงานราชการ โดย ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะเช่าระยะยาว หลายโครงการไม่มีห้องว่างและไม่สามารถตอบได้ว่าจะว่างเมื่อไร ในขณะที่โครงการที่มีอัตราค่าเช่าต่ำกว่า 7,000 บาทต่อเดือน บางโครงการได้รับการติดต่อขอเช่าทั้งอาคาร เพื่อรองรับนักศึกษา และนางพยาบาลของโรงพยาบาล ประกอบกับ โรงแรมที่เปิดให้บริการในพื้นที่ศึกษา มักเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ราคาที่พักเฉลี่ย 1,200 - 3,200 บาทต่อวัน จำนวน 37 แห่ง ซึ่งเป็นจำนวนกว่าครึ่งของจำนวนโรงแรมทั้งหมดในพื้นที่นี้
ราคาคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 7-10% ต่อปี และผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า 5.1-5.5% ต่อปี
ภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมมือสองในย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 98,000-112,000 บาทต่อตารางเมตร และมีค่าเช่าประมาณ 17,000-20,000 บาทต่อเดือน ได้อัตราผลตอบแทนจากการเช่าประมาณ 5.1-5.5% ต่อปี
เมื่อพิจารณาด้านการลงทุน พบว่าโครงการคอนโดมิเนียมที่มีการปล่อยเช่า จะได้อัตราผลตอบแทนจากการเช่าประมาณ 5.1-5.5% ต่อปี และมีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาคอนโดมือสอง (Capital Gain) ประมาณ 7-10% ต่อปี โดยโครงการที่มี Capital Gain สูงที่สุดคือโครงการ M Phyathai ที่เปิดตัวเมื่อปี 2010 ในราคา 125,000 บาทต่อตารางเมตร ปัจจุบันมีห้องชุดมือสองขายในราคาประมาณ 210,000 บาทต่อตารางเมตร มีมูลค่าเพิ่มขึ้น (Capital Gain) มากกว่า 11% ต่อปี และโครงการ The Capital Ratchaprarop ที่เปิดตัวเมื่อปี 2011 ในราคา 73,000 บาทต่อตารางเมตร ปัจจุบันมีห้องชุดมือสองขายในราคาประมาณ 110,000 บาทต่อตารางเมตร มีมูลค่าเพิ่มขึ้น (Capital Gain) ประมาณ 11% ต่อปี
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่ค่อยมีโครงการใหม่เปิดตัวบ่อยนัก โดยในปี 2007 เกิดโครงการ The Complete ราชปรารภ เปิดตัวในราคา 57,000 บาทต่อตารางเมตร และในปี 2008 เกิดโครงการ Rajvithi City Resort เปิดตัวในราคา 65,000 บาทต่อตารางเมตร และ Chewathai Ratchaprarop เปิดตัวในราคา 65,000 บาทต่อตารางเมตรเช่นกัน โดยในช่วงนั้นโครงการจะอยู่บริเวณถนนราชวิถี ฝั่งที่จะออกไปยังทางด่วนมากกว่า จนกระทั่งปี 2010 เกิดโครงการ M Phyathai เปิดตัวในราคา 125,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งถือเป็นโครงการที่อยู่ติดถนนพญาไทและอยู่ในแนวรถไฟฟ้า ต่อมาปี 2011 มีโครงการ The Capital Ratchaprarop เปิดตัวในราคา 73,000 บาทต่อตารางเมตร และในอีก 5 ปีถัดมาจึงเกิดโครงการ Rhythm รางน้ำ เปิดตัวในราคา 170,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าเช่นกัน ตรงนี้จึงเห็นข้อแตกต่างของโครงการในทำเลอนุสาวรีย์ ที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งที่อยู่บริเวณราชปรารภ จะมีการเติบโตของราคา Pre-sales ประมาณ 3-5% แต่หากเป็นโครงการที่อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า การเติบโตของราคา Pre-sales จะอยู่ที่ประมาณ 7-10%
ด้วยศักยภาพทำเลอนุสาวรีย์ที่ไม่ได้มีดีแค่การเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทางที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯเท่านั้น แต่ยังเป็นทำเลที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย เนื่องจากเดินทางสะดวกสบาย อยู่ท่ามกลางแหล่ง Shopping Street และการเป็นแหล่งรวมของสถาบันทางการแพทย์และสาธารณสุขชั้นนำ จึงไม่น่าแปลกใจที่คอนโดมิเนียมในย่านอนุสาวรีย์จะมีการเติบโตที่สูง ในขณะที่ที่ดินใกล้แนวรถไฟฟ้าแทบจะไม่เหลือให้พัฒนาแล้ว จึงยิ่งทำให้คอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ใกล้วัง ชมพระที่นั่งสวยกลางกรุง
อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามไปจากพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นอกจากจะเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ด้านนัยยะทางการเมืองแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของวังและพระที่นั่งอีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นในด้านของความเจริญของบริเวณพื้นที่นี้ ที่เป็นจุดตัดของการเดินทางมาแต่โบราณ ซึ่งวังและพระที่นั่งบริเวณนี้ คือ พระราชวังพญาไท และ พระที่นั่งวิมานเมฆ โดยตั้งอยู่บริเวณถนนราชวิถี ติดกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เปิดให้ชมฟรีตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
พระราชวังพญาไท มีสถาปัตยกรรมที่มีแบบแผนมาจากตะวันตก มีความเรียบง่ายและสง่างาม ความโดดเด่นของพระราชวังพญาไท คือหอคอยสูงหลังคายอดแหลมมุมตรง อีกทั้งยังมีการจัดวางภูมิทัศน์ที่สวยงามคือสวนโรมัน ภายในพระราชวังพญาไทประกอบด้วยหมู่พระที่นั่ง 4 พระที่นั่ง ได้แก่ พระที่นั่งศรีสุทธนิวาส, พระที่นั่งพิมานจักรี, พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน และพระที่นั่งเทวราชสภารมย์
ขอบคุณภาพจาก : www.lovethailand.biz
พระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นพระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่ปราณีตงดงาม ได้รับอิทธิพลการก่อสร้างแบบตะวันตก อีกทั้งยังเป็นพระที่นั่งถาวรองค์แรกในพระราชวังดุสิตอีกด้วย -- เทอร์ร่า บีเคเค
ขอบคุณภาพจาก : travel.mthai.com
บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้ TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก