คาด แบงก์ กำไร2.1แสนล้าน คลังจี้ใช้ พร้อมเพย์ Q1ห้ามเลื่อนอีก
โบรกฯ คาดปี 2560 แบงก์ฟันกำไร 210,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% อานิสงส์โครงการลงทุนรัฐ-กินส่วนต่างดอกเบี้ย แต่ห่วงหนี้ครัวเรือนสูง คลังออกโรงจี้ ธปท.-ธนาคารพาณิชย์ เดินเครื่องพร้อมเพย์ไตรมาสแรกปีนี้ กำชับ! ห้ามเลื่อนอีก
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปี 2560 คาดว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 10 แห่ง จะมีกำไรจากการดำเนินงานรวมกว่า 210,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 6%
เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมถึงธุรกิจต่างๆ เริ่มมีลงทุนเพิ่มตามการขยายตัวเศรษฐกิจไทย และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) มีแนวโน้มที่ชะลอตัว ทำให้หลาย ธนาคารตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลง
ส่วนการปล่อยสินเชื่อธนาคารปีนี้จะเติบโตที่ 4% ซึ่งจะโตน้อยกว่ากำไร เพราะส่วนหนึ่งมาจากบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้วิธีการระดมทุนผ่านช่องทางอื่นๆ และธนาคารก็มีวิธีการบริหารต้นทุนที่ดี โดยเฉพาะการได้อานิสงส์เรื่องของส่วนต่างดอกเบี้ยในระหว่างที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ และดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามต่อการขยายตัวของผลประกอบการกลุ่มธนาคาร คือ ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการให้บริการการโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ การเกิดนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เช่นแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการโอนเงิน ชำระเงิน เพราะจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) ในการโอนเงินต่างๆ ของธนาคาร แต่จะเป็นในช่วงระยะสั้นๆ เพราะระยะยาว กลุ่มธนาคารจะสามารถปรับตัวได้
สำหรับภาพรวมกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารในปี 2559 ของธนาคารขนาดใหญ่ 10 แห่ง คาดว่าอยู่ที่ 199,000 ล้านบาท หรือขยายตัว 4% จากปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิประมาณ 192,000 ล้านบาท ถือว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยสินเชื่อเติบโตเพียง 2% เนื่องจากรัฐบาลเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า และระมัดระวังการให้สินเชื่อกับลูกค้ารายย่อยมากขึ้นด้วย ทำให้การเติบโตไม่โดดเด่น
ด้านนายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดว่าในไตรมาส 4/2559 บจ.จะมีกำไรรวมกันประมาณ 160,000 -170,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 9-13% ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ช่วยให้มูลค่าส่งออกของไทยสูงขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เข้ามาในช่วง 1-2 เดือนสุดท้าย
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การโอนเงินพร้อมเพย์ระหว่างบุคคล เป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รับผิดชอบดูแลเตรียมความพร้อมกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารรัฐของรัฐที่เข้าร่วม ซึ่งน่าจะเริ่มได้ภายในไตรมาสแรกปีนี้ ตามที่ ธปท. และธนาคารพาณิชย์ได้แจ้งไว้
มีรายงานว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง ได้กำชับ ธปท. ให้ดำเนินการเรื่องพร้อมเพย์ให้เร็วที่สุดภายในไตรมาสแรกปีนี้ และไม่ให้เลื่อนออกไปอีก เนื่องจากการดำเนินการล่าช้า จะส่งผลกระทบกับการดำเนินงานส่วนอื่นๆ ของระบบพร้อมเพย์ด้วย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost จากหัวข้อข่าว : คาด แบงก์ กำไร2.1แสนล้าน คลังจี้ใช้ พร้อมเพย์ Q1ห้ามเลื่อนอีก