คาดกำไรบจ.พุ่ง9แสนล้าน อสังหาฯ เด่นนโยบายรัฐช่วยหนุน

โบรกมองกำไร บจ.ปีนี้แตะ 9 แสนล้านบาท ชี้อสังหาฯ โดดเด่นสุด รวมถึงได้แรงหนุนจากภาครัฐลงทุน เศรษฐกิจฟื้นตัว

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ประเมินผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ไทยปี 2560 จะมีกำไรสุทธิรวมกัน 890,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5% โดยกลุ่มที่มีความโดดเด่นมากที่สุดคือ อสังหาริมทรัพย์ที่จะได้รับอานิสงส์จากผู้ประกอบการหลายรายมีแผนลงทุนก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมากรองรับความต้องการของผู้บริโภคและนักลงทุน รองลงมาเป็นกลุ่มพาณิชย์ ค้าปลีก, วัสดุก่อสร้าง, อิเล็กทรอนิกส์ และบริการท่องเที่ยว เป็นต้น

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ บจ.มีกำไรเพิ่มมากขึ้นส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของภาครัฐที่ผลักโครงการลงทุนขนาดใหญ่, การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ, การบริหารและปรับโครงสร้างบริหารของ บจ.ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้นจากปีก่อน เป็นต้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ บจ. คือ นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ เพราะจะกระทบต่อตลาดการเงิน การค้า และการส่งออกของไทยด้วย รวมถึงทิศทางของหนี้ครัวเรือน ซึ่งถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นปัญหาหนี้ครัวเรือนก็จะลดลง

ขณะที่ผลประกอบการในปี 2559 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 25% จากปี 2558 โดยกลุ่มพลังงานมีกำไรมากสุดกว่า 1,000% เนื่องจากส่วนหนึ่งได้กำไรจากสต็อกราคาน้ำมันและส่วนหนึ่งมาจากกรณีของ บมจ.ปตท.สผ. ที่ในปีก่อนมีการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์ในปีที่แล้วเป็นจำนวนถึง 1,385 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบกับราคาน้ำมันเริ่มกลับขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้นักลงทุนยังคงรอลุ้นการเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานต่อ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มธนาคารพาณิชย์ทยอยประกาศผลดำเนินการไปแล้วและมีกำไรอยู่ในระดับที่ดี โดยกลุ่มพลังงานคาดว่าผลประกอบการจะโดดเด่นมากกว่างบกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันฟื้นตัว อีกทั้งกลุ่มโอเปกและผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง เป็นต้น

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ จะมีกำไรจากการดำเนินงานรวมกว่า 210,000 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน 6% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมถึงธุรกิจต่างๆ เริ่มมีการลงทุนเพิ่มตามการขยายตัวเศรษฐกิจไทย และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) มีแนวโน้มที่ชะลอตัว ทำให้หลายๆ ธนาคารตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลง เป็นต้น.