PTTGCซื้อหุ้น6บริษัท ปตท. โวเพิ่มศักภาพลดความเสี่ยงดันกำไรโต

PTTGC เท 26,300 ล้านบาทกว้านซื้อหุ้น 6 บริษัทในเครือ ปตท.แจงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงลงทุน มั่นใจปีนี้รับรู้กำไร 2.4 พันล้านบาท เผย 59 มีรายได้ทั้งปีโต 25% จากราคาน้ำมันและค่าการกลั่นสูงขึ้น

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือ CEO บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2560 ครั้งที่ 2/2560 มีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทเอกชนที่ดำเนินธุรกิจสายโพรพิลีน สายเคมีภัณฑ์ชีวภาพ และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับ PTTGC จาก บมจ.ปตท.จำนวน 6 บริษัท คิดเป็นมูลค่า 26,300 ล้านบาท

ทั้งนี้การดำเนินการดังลก่าวนั้นทำให้บริษัทมีความคล่องตัว ลดขั้นตอนการดำเนินงานและสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะดำเนินการซื้อขายหุ้นแล้วเสร็จเดือน ต.ค.60 นี้ และส่งผลให้บริษัทฯรับรู้กำไรในปีนี้ประมาณ 2,400 ล้านบาท

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้ PTTGC ในฐานะแกนนำธุรกิจปิโตรเคมี ของ ปตท. สามารถต่อยอดธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถลดระยะเวลาในการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ และเป็นการลดความเสี่ยงด้านการลงทุน รวมถึงด้านเทคโนโลยีการผลิต เนื่องจากเป็นการเข้าถือหุ้นในบริษัทที่มีการดำเนินการอยู่แล้วและยังได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นที่เป็นพันธมิตรอีกด้วย

"การเข้าทำรายการซื้อหุ้นในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของ PTTGC ที่จะก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อมุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยบริษัทฯ จะสามารถต่อยอดการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ในอนาคตตามเป้าหมายในการเข้าสู่อุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็คโทรนิคส์ (E&E) และอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ที่เป็น Market Trend ของโลกยุคใหม่" นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า การลงทุนดังกล่าวนั้นอยู่ในแผน 5 ปี (2560-2564) ที่ใช้งบลงทุนประมาณ 150,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 50,000 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 25,602 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25% จากปี 2558 โดยมีปัจจัยหลักจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯ รับรู้กำไรมูลค่าสต็อกน้ำมันที่สูงขึ้น มี EBITDA จำนวน 48,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จาก ปี 2558 โดยในไตรมาส 4/59 มีกำไรสุทธิ 9,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108% เทียบกับไตรมาส 4 ปี 58

สำหรับปี 2560 บริษัทฯ คาดว่าราคาน้ำมันดิบ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับราคา 52-55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เหตุผลเนื่องมาจากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 97.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน.