เป้า สรรพสามิต รีด6แสนล. ลุ้นศก.ฟื้นเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เข็นกม.ลูกรับพ.ร.บ.ใหม่

สรรพสามิตลุ้นเศรษฐกิจฟื้น หนุนจัดเก็บรายได้ปีงบ 61 ฉลุยตามเป้าหมาย 6 แสนล้านบาท รับ 4 เดือนแรกปีงบ 60 ผลงานยังต่ำเป้า 2 พันล้านบาท พร้อมออกกฎหมายลูกรับ พ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า เป้าหมายการเก็บภาษีของกรมในปีงบประมาณ 2561 อยู่ที่ 6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2560 ที่คาดว่าจะเก็บได้ 5.55 แสนล้านบาท โดยการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการเก็บภาษีน้ำมันและภาษีใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

สำหรับการเก็บภาษีของกรมในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ต.ค.59-ม.ค.60) เก็บได้แล้ว 1.3 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 2 พันล้านบาท แต่ไม่น่าเป็นห่วง เพราะยังคาดว่าทั้งปีงบประมาณจะเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจน การบริโภคขยายตัวเพิ่มขึ้น การเก็บภาษีรถยนต์ได้ใกล้เคียงกับเป้าหมาย โดยจากการหารือกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ ยังมั่นใจว่ายอดขายรถยนต์ทั้งปียังสูงถึง 8 แสนคัน และมีงานใหญ่ส่งเสริมการขายรถยนต์ รวมถึงโครงการรถยนต์คันแรกครบ 5 ปี สามารถขายรถเพื่อซื้อรถใหม่ได้ น่าจะส่งผลให้ยอดการขายรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ กรมอยู่ระหว่างการศึกษาการจัดเก็บภาษีน้ำหวาน ชาเขียว และกาแฟสำเร็จรูป ตามนโยบายของรัฐบาล โดยในส่วนของเก็บภาษีน้ำหวานได้ตกลงกับผู้ประกอบการในหลักการแล้วว่าจะให้เวลาในการปรับตัว 2 ปี ส่วนอัตราการจัดเก็บภาษีจะเป็นแบบจูงใจ โดยให้ลดความหวานลง และจะเสียภาษีในอัตราที่ลดลง เช่น หากสินค้าใดลดความหวานจากปกติปัจจุบันได้จะได้ลดภาษี หรือหากไม่มีความหวานอยู่เลยก็จะได้รับการยกเว้นภาษี เป็นต้น

สำหรับการเก็บเตรียมพร้อมเก็บภาษีตาม พ.ร.บ.สรรพสามิตที่ออกมาใหม่ และจะมีผลบังคับใช้ประมาณกลางปีนี้ โดยจะมีการเปลี่ยนการเก็บภาษีจากราคาหน้าโรงงาน หรือราคาสำแดงนำเข้า มาเป็นราคาขายปลีกแนะนำ ขณะนี้ได้เตรียมออกกฎหมายลูกและประกาศกรมรวม 80 ฉบับ ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสานกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หลังจาก พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ลงประกาศในราชกิจนุเบกษา จะเร่งทำประชาสัมพันธ์นำร่างกฎหมายมาแปลเป็นภาษาอังกฤษ และพิมพ์แจกให้ผู้ประกอบการและประชาชน ทำความเข้าใจกฎหมายจะได้เตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนการจัดเก็บ

“ยืนยันว่า พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ไม่ได้มีเป้าหมายการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น แต่เป็นการทำให้การเก็บภาษีมีความโปร่งใส เป็นธรรมมีความเป็นสากล และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งหลังจากนี้กรมจะหารือกับผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เก็บภาษีภายใต้กฎหมายใหม่ไม่เกิดปัญหา ส่วนกรณีที่เอกชนกังวลเกี่ยวกับการส่งข้อมูลโครงสร้างราคาขายปลีกและราคาต้นทุนนั้น ไม่อยากให้รู้สึกกังวลในส่วนนี้ เพราะในกฎหมายใหม่ได้มีการกำหนดคำนิยามของคำว่าราคาขายปลีกแนะนำที่จะใช้ในการคำนวณภาษี” นายสมชาย กล่าว.