ธนารักษ์ ยกเครื่องค่าเช่าที่โกยรายได้
ธนารักษ์เร่งยกเครื่องสัญญาเช่าที่ราชพัสดุใหม่ หวังดันรายได้ทะยานแตะ 1 หมื่นล้านบาท แจงรอ ทอท. ตัดสินใจไขก๊อกรีดค่าเช่าที่เชิงพาณิชย์ 3%
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการปรับปรุงหลักเกณฑ์สัญญาเช่าพื้นที่ราชพัสดุใหม่ หลังจากเอกชนหลายรายหมดอายุสัญญาการเช่าพื้นที่ อาทิ การปรับปรุงสัญญาการเช่าที่ดินราชพัสดุสนามบินสุวรรณภูมิ ของ บมจ. ท่ากาศยานไทย และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาการปรับปรุงสัญญาการเช่าพื้นที่กับ บมจ. บางจาก, บมจ. ไทยออยส์ และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือ EGAT ด้วย โดยหากแผนการปรับปรุงค่าเช่าที่ราชพัสดุเป็นไปตามแผน จะทำให้กรมธนารักษ์สามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นแตะ 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 6-7 พันล้านบาท
สำหรับกรณี ทอท. นั้น กรมธนารักษ์จะปรับปรุงค่าเช่าที่ในส่วนของพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์เท่านั้น โดยจะคิดเป็นส่วนแบ่งรายได้จาก ทอท. เพียง 3% จากเกณฑ์ที่ใช้ในการคิดส่วนแบ่งรายได้อยู่ที่ 3-5% ซึ่งก็ถือว่าต่ำกว่าเอกชนที่จะคิดที่ 5-7% โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างรอทาง ทอท. กลับไปพิจารณาในรายละเอียด ก่อนจะกลับมาหารือข้อสรุปกันอีกครั้งโดยเร็ว
โดยก่อนหน้านี้นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ระบุว่า การเปลี่ยนวิธีการเก็บรายได้ของรัฐ จากเดิมจ่ายส่วนแบ่งรายได้ มาใช้รูปแบบผลตอบแทนจากสินทรัพย์ หรือ ROA ซึ่งจะให้เก็บจากเฉพาะการใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์เท่านั้น ทำให้บริษัทไม่กังวลที่การปรับขึ้นค่าเช่าจะกระทบกับผู้โดยสาร
“หลังจากนี้จะใช้เกณฑ์ในการพิจารณาใหม่ ซึ่งจะคิดจากค่าธรรมเนียมในการเช่าพื้นที่ ค่าเช่าที่ และส่วนแบ่งรายได้ โดยเกณฑ์ใหม่ที่จะทำให้รายได้ของกรมธนารักษ์เพิ่มขึ้นและมั่นคงมากขึ้นด้วย” นายจักรกฤศฎิ์กล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของการเช่าอาคารราชพัสดุนั้น ในปี 2560 ก็จะมีการปรับปรุงสัญญาเช่าใหม่เช่นเดียวกัน แต่จะเริ่มคิดค่าเช่าตามเกณฑ์ใหม่ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป ส่วนปี 2560 ยังคงคิดตามเกณฑ์เดิม เพื่อให้เวลาผู้เช่าได้ปรับตัว.
ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost จากหัวข้อข่าว : ธนารักษ์ ยกเครื่องค่าเช่าที่โกยรายได้