คลังบีบ3กรมภาษี ทำแผนเพิ่มรายได้ ลุ้น อีเพย์เมนต์ ช่วย

คลังสั่งเข้ม 3 กรมภาษี ทำแผนหารายได้เพิ่ม เน้นอุดช่องโหว่ กวาดต้อนเข้าระบบ ย้ำยังไม่มีแผนขึ้นภาษี เพราะมั่นใจอี-เพย์เมนต์ช่วยเก็บภาษีเพิ่มได้ 1 แสนล้านบาทอยู่แล้ว

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ 3 กรมภาษี คือกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ได้ส่งแผนเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีปีงบประมาณ 2560 มาให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว ซึ่งตอนนี้ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างพิจารณาแผนที่ส่งมาอย่างละเอียด และในสัปดาห์นี้คลังและ สศค. จะมีการประชุมร่วมกันเห็นชอบแผน เพื่อให้กรมภาษีทั้งหมดเร่งปฏิบัติตามแผนที่เสนอมา หรือเพิ่มเติมแผนตามที่กระทรวงการคลังเห็นว่าควรดำเนินการ

เบื้องต้นแผนที่ 3 กรมภาษี ส่งมามีความชัดเจนว่า จะทำอะไรบ้าง เวลาที่จะดำเนินการ และเม็ดเงินภาษีที่จะได้เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ เพราะคลังอาจจะมีให้บางกรมภาษีปรับแผนการเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพราะคลังเห็นว่ายังมีช่องโหว่ของการเก็บภาษีที่ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมาก

"ตามแผนที่ 3 กรมภาษีส่งมาให้พิจารณา จะทำให้การเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้นพอสมควร โดยที่ไม่ต้องเพิ่มอัตราภาษี แต่เป็นการทำให้คนที่ยังเสียไม่ครบ หรือมีหน้าที่ต้องเสียแต่ยังไม่ยอมเสียภาษี ให้มาเสียภาษีที่ถูกต้อง การดำเนินการนี้เป็นแผนเพิ่มประสิทธิภาพระยะสั้น เพราะแผนระยะปานกลางและยาวการนำระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-เพย์เมนต์ มาใช้เชื่อมโยงกับระบบการเก็บภาษี จะทำให้เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นปีละ 1 แสนล้านบาท โดยที่ไม่ต้องเพิ่มอัตราภาษีใดๆ เลย" นายสมชัยกล่าว

นายสมชัยกล่าวว่า การต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีระยะสั้น เพราะการเก็บภาษีในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 ยังต่ำกว่าเป้าหมาย แม้ว่าการเก็บรายได้โดยรวมของรัฐบาลจะยังเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ตาม ซึ่งทั้งปีคาดว่าการเก็บรายได้รัฐบาลจะได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แผนที่กรมสรรพากรส่งเข้ามาให้พิจารณาจะเน้นการขยายฐานภาษีผู้เสียบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ที่ยังอยู่นอกระบบภาษีให้เข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น ส่วนแผนของกรมสรรพสามิตจะเน้นเรื่องการปราบปรามและการเก็บภาษีตามโครงสร้างของกฎหมายใหม่คาดว่าจะทำให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีเพิ่มขึ้นหลายพันล้านบาท ส่วนกรมศุลกากรจะเน้นเรื่องการตรวจสอบภาษีสินค้านำเข้าให้สำแดงตรงกับสินค้าที่นำเข้าจริง ซึ่งจะทำให้การรั่วไหลของภาษีลดลง.