พาณิชย์มั่นใจอันดับความยาก-ง่ายทำธุรกิจไทยปี 2561 ที่ธนาคารโลกจะประกาศในเดือน ต.ค.นี้ "โตแบบกระโดด" แน่ ตั้งเป้าติด 1 ใน 30 หลังเปิดให้จดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ครม.ปลื้ม แนวโน้มเศรษฐกิจไทยต้นปีเริ่มฟื้น ส่งออกกระเตื้อง อานิสงส์ตลาดคู่ค้าเริ่มคึกคัก

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงอันดับความยาก-ง่ายในการทำธุรกิจของไทยประจำปี 2561 ที่ธนาคารโลกจะประกาศผลในเดือน ต.ค.2560 โดยมั่นใจว่าอันดับของไทยจะดีขึ้นแบบก้าวกระโดด หรือขยับมาอยู่ใน 30 อันดับแรก จาก 190 ประเทศที่ถูกจัดอันดับทั่วโลก ตามเป้าหมายของรัฐบาล จากปี 2560 ที่ธนาคารโลกได้ประกาศผลเมื่อเดือน ต.ค.2559 ไทยอยู่อันดับ 46

ส่วนตัวชี้วัดด้านการเริ่มต้นการทำธุรกิจของไทยจะขยับขึ้นแบบก้าวกระโดดเช่นกัน จากปี 2560 ไทยอยู่อันดับที่ 78 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยของนักธุรกิจต่างชาติ

สำหรับสาเหตุที่ทำให้มั่นใจว่าผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการทำธุรกิจของไทยจะดีขึ้น เป็นเพราะกรมได้พัฒนาระบบจดทะเบียนนิติบุคคลให้มีความทันสมัยและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยสามารถจดทะเบียนนิติบุคคลทางออนไลน์ หรือทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ได้แล้ว ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่เริ่มต้นจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ เปลี่ยนแปลง จนถึงเลิกประกอบธุรกิจ

“ทุกขั้นตอนดำเนินการผ่านระบบ e-Registration ทำให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนการยื่นขอจดทะเบียน ลดการใช้เอกสาร ลดค่าใช้จ่าย และระยะเวลาการเดินทางมาติดต่อเจ้าหน้าที่ และทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น” น.ส.บรรจงจิตต์กล่าว

ทั้งนี้ ในทุกปีธนาคารโลกจะจัดทำรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของ 190 ประเทศทั่วโลก หรือ Doing Business ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจเกี่ยวกับกระบวนการ ขั้นตอน ระยะเวลาการให้บริการ ค่าใช้จ่าย ระบบอำนวยความสะดวกของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกฎหมายและระเบียบต่างๆ ของภาครัฐ

โดยมีตัวชี้วัดในการสำรวจ 10 ด้าน ได้แก่ การเริ่มต้นธุรกิจ การขออนุญาตก่อสร้าง การขอใช้ไฟฟ้า การจดทะเบียนสินทรัพย์ การได้รับสินเชื่อ การคุ้มครองผู้ลงทุน การชำระภาษี การค้าระหว่างประเทศ การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง และการแก้ไขปัญหาล้มละลาย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีการปรับตัวดีขึ้น โดยกระเตื้องขึ้น และเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นมาก จากตัวเลขในเดือน ม.ค. และ ก.พ.ที่ผ่านมา

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา อาทิ การบริโภคในประเทศ การลงทุนภาครัฐ และการส่งออก ค่อยๆ ขยับอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทีมเศรษฐกิจและรัฐบาลมั่นใจในการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย.

ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost จากหัวข้อข่าว : ทำธุรกิจในไทยง่ายขึ้นแน่ พาณิชย์ มั่นใจธนาคารโลกประกาศ ต.ค.นี้อันดับดีกระโดด