ทิสโก้ชี้จับตาเลือกตั้ง ฝรั่งเศส หุ้นยังเสี่ยง/ลงทุนระวังแนะกำเงินสด

บล.ทิสโก้แนะติดตามความเสี่ยงจากการเลือกตั้ง ปธน.ฝรั่งเศส แม้ Macron ที่มีนโยบายเป็นมิตรกับยุโรปจะมีคะแนนนำ แต่มีโอกาสพลิกล็อกได้ แนะลงทุนด้วยความระมัดระวัง และถือเงินสดบางส่วน ด้าน บล.กสิกรไทยคาด ดัชนีหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบ 1,545-1,600 จุด

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า ปัจจัยจากต่างประเทศยังคงมีความเสี่ยงต่อการลงทุนอยู่ โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกที่จัดขึ้นในวันที่ 23 เม.ย. และนำผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดสองอันดับแรกไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกันในการเลือกตั้งรอบที่ 2 วันที่ 7 พ.ค.นี้

ทั้งนี้ คาดว่านาย Emmauel Macron อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ มีโอกาสสูงสุดที่จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งจะทำให้ตลาดน่าจะตอบรับในเชิงบวก

นอกจากนี้ ผลสำรวจล่าสุดชี้ว่านาย Macron มีนโยบายที่ค่อนข้างเป็นบวกกับตลาดและเป็นมิตรกับสหภาพยุโรป ยังมีคะแนนนำ และมีโอกาสสูงสุดที่จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งจะเป็นผลลัพธ์ซึ่งเป็นบวกมากที่สุดต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพของสหภาพยุโรป ขณะที่นาง Marine Le Pen ซึ่งชูนโยบายการเลิกใช้เงินสกุลยูโรเป็นนโยบายหลักด้านเศรษฐกิจและประกาศจะจัดทำประชามติเพื่อออกจากสหภาพยุโรปหากชนะการเลือกตั้ง มีโอกาสสูงที่จะผ่านเข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งรอบที่ 2

สำหรับผู้สมัครอีกคนซึ่งสร้างความกังวลให้กับตลาดในช่วงหลังได้แก่ นาย Jean-Luc Melenchon ตัวแทนพรรคฝ่ายซ้ายจัด และมีนโยบายเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อฐานะทางการคลังของฝรั่งเศสในอนาคต โดยนาย Melechon มีคะแนนความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังการโต้วาทีในช่วงปลายเดือน มี.ค. และมีโอกาสมากขึ้นที่จะผ่านเข้าไปในการเลือกตั้งรอบที่สอง

“เรายังคงมองว่านาย Macron มีโอกาสสูงสุดที่จะชนะการเลือกตั้งประธานธิบดี ซึ่งตลาดน่าจะตอบรับในเชิงบวก อย่างไรก็ดี โพลล่าสุดยังมีความใกล้เคียงกันและยังมีโอกาสที่จะพลิกล็อกได้ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงในช่วงหลัง เราจึงยังแนะนำให้ลงทุนด้วยความระมัดระวังและถือเงินสดบางส่วนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน” นายคมศร กล่าว

ด้าน บล.กสิกรไทย ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยระหว่างวันที่ 24-28 เม.ย. มีแนวรับที่ 1,545-1,560 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,585-1,600 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศส มาตรการสกัดการเก็งกำไรในตลาดหุ้นจีน รวมถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นการปฏิรูปภาษีสหรัฐ ส่วนค่าเงินบาทคาดเคลื่อนไหวที่ 34.25-34.55 บาทต่อเหรียญสหรัฐ.