ผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่มาหมาดๆ ภาพคุ้นตาของมวลมหารถยนต์บนถนนทางกลับบ้านก็กลับมาอีกครั้ง เป็นไปตาม Global Trend ที่ TerraBKK เคยนำเสนอในเรื่องของอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรในเมือง อ่านบทความคลิกที่นี่ แต่นอกจากประเด็นของการแห่แห่นเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่แล้ว ยังมีในเรื่องของการโยกย้าย และโอกาสของการปักหลักปักฐานชีวิตของกลุ่มประชากรใหญ่ของโลกอย่าง Gen Y อีกด้วย

            เนื่องจากการซื้อที่อยู่อาศัยนั้นเป็นภาระในระยะยาวของมนุษย์เงินเดือน ทำให้ก่อนจะซื้อจึงจำเป็นต้องคิดอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน มีบทความศึกษาที่น่าสนใจจาก Brooking Institute เกี่ยวกับ ความพอใจในการอยู่อาศัยระหว่างทำเลในเมืองและชานเมือง โดยได้ทำการสำรวจประชากรตัวอย่างจำนวน 1,506 คน ที่อยู่ใน Gen Y ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยพบว่า 66% ต้องการย้ายไปอาศัยที่ชานเมือง (Suburb) 24% ต้องการย้ายไปอาศัยนอกเมือง (Rural) และ 10% เท่านั้นที่ต้องการอาศัยในใจกลางเมือง โดยมีเหตุผลหลักคือ ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีบริเวณ ซึ่งมีราคาแพงหากอยู่ในทำเลในเมือง

            นอกจากนั้นยังมีความเห็นที่สอดคล้องกันจาก David Berson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Nationwide Insurance Co. ที่บอกว่าคน Gen Y ต้องการที่จะอาศัยอยู่ในชานเมืองมากกว่าในเมือง แต่ก็ยังต้องการความสะดวกสบายเช่นเดียวกับใจกลางเมือง ทำให้มีแนวโน้มอย่างมากที่ Gen Y จะพอใจที่อาศัยอยู่ทำเลกึ่งกลางระหว่างชานเมืองกับในเมือง

            เรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Gen Y นั่นคือคือพฤติกรรม Live-Work-Play ซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย

พฤติกรรมการใช้ชีวิต (Live) - ปัจจุบัน 49% ของคนที่อยู่ในกลุ่ม Gen Y นั้น จะอาศัยอยู่ร่วมกับครอบครัวหรือพ่อแม่ และจะออกมาใช้ชีวิตด้วยตนเองภายในระยะเวลา 2-3 ปี แต่ในจุดหนึ่งจะย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัวแบบเดิม โดยรูปแบบของการอยู่อาศัยของคนรุ่นนี้นี้ถูกเรียกว่า ยุคบูมเมอแรง เนื่องจากไม่สามารถรับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายในการครอบครองที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้นนั่นเอง ในประเทศที่มีจำนวนประชากรมากอย่างจีนหรืออินเดียนั้น เป็นเรื่องปกติที่คนในยุค Gen Y จะอาศัยอยู่กับครอบครัวไปจนกว่าจะแยกครอบครัวออกไป หรือหากแต่งงานก็ยังคงมีจำนวนไม่น้อยที่ยังอยู่บ้านเดิมกับพ่อแม่

แต่อย่างไรก็ตาม อีก 51% ของ Gen Y นั้น จะยังคงออกมาใช้ชีวิตคนเดียวเพราะต้องการความอิสระ แต่มักจะใช้วิธีการเช่ามากกว่าซื้อ โดยเรียกได้ว่าเป็น ยุคเช่า เนื่องจากพฤติกรรมความรักอิสระ การชอบความท้าทาย ทำให้คนกลุ่มนี้รู้สึกว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยเองนั้น ไม่คุ้มค่ากับเงินที่จะต้องจ่ายไป

จากการสำรวจคนกลุ่ม Gen Y จำนวน 13,000 คน ของ CBRE จากต่างอาชีพ จำนวน 20 ประเทศ พบว่า 55% ของ Gen Y นั้น ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง เนื่องจากราคาที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งในสหรัฐอเมริกา มีการสำรวจที่จะช่วยสนับสนุนพฤติกรรมการครอบครองที่อยู่อาศัยในอนาคตและการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในการซื้อบ้าน โดยผลจากการสำรวจพบว่า 57% ของคนในยุคปัจจุบันเชื่อว่าการครอบครองบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับคน Gen Y อีกต่อไป และอีก 54% เชื่อว่าการเช่าที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคน Gen Y มากกว่า

ข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ โดยเฉลี่ยแล้วคนกลุ่ม Gen Y นั้น จะมีค่าใช้จ่ายสำหรับที่อยู่อาศัยถึง 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมดที่มี และไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือการเช่า Gen Y ก็จะยินดีจ่ายเป็นเงินจำนวนนี้เท่านั้น อีกทั้งยังปฏิเสธที่จะยอมจ่ายเงินเป็นก้อนใหญ่หรืออดออมเงินเพื่อการดาวน์ที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง โดย 33%  ของคนกลุ่ม Gen Y ที่คิดจะซื้อที่อยู่อาศัย จะยืมเงินจากครอบครัวหรือกู้เงินธนาคารเพื่อดาวน์บ้าน พฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นเยอะในทวีปเอเชียและกำลังเกิดมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งคนกลุ่ม Gen Y มักมีหนี้ติดตัวมาจากตอนเรียน ทั้งการเรียนในปริญญาตรีและปริญญาโทจากในและต่างประเทศ มีเพียง 16% ของคนกลุ่ม Gen Y เท่านั้น ที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่จะไม่วางแผนการครอบครองที่อยู่อาศัยในช่วงเริ่มต้นของชีวิตวัยทำงาน ซึ่งหมายความว่าการเช่าที่อยู่อาศัยนั้น จะเป็นการเช่าในระยะยาวมากกว่าคนในรุ่นก่อนๆ

พฤติกรรมการทำงาน (Work) - ข้อสมมติฐานพฤติกรรมการทำงานของคน Gen Y พบว่า อายุในการทำงานของคนกลุ่มนี้ต่อองค์กรใดองค์กรหนึ่งมักจะสั้น คนกลุ่มนี้จะไม่ผูกมัดตัวเองกับที่ใดที่หนึ่งเป็นระยะเวลานานๆ โดย 62% จากคน Gen Y จำนวน 13,000 คนใน 20 ประเทศทั่วโลก พบว่าจะพอใจที่จะย้ายงานไปในตำแหน่งที่สูงกว่าหรือตำแหน่งเดิมแต่มีความท้าทายมากขึ้น โดยมักจะเลือกองค์กรที่ให้ความอิสระและส่งเสริมวิธีคิดและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆในการทำงาน คนกลุ่ม Gen Y ที่อยู่กับบริษัทใดบริษัทหนึ่งนานๆ จะมีปัจจัยมาจากบริษัทนั้น สามารถให้โอกาสในการเรียนรู้และเพิ่มศักยภาพตนเองได้ตลอดชีวิต คน Gen Y จำนวนมากยินยอมที่จะย้ายงานบ่อยครั้งเพื่อการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อีกทั้ง 56% ยังบอกว่า การทำงานและการใช้ชีวิต ควรแยกส่วนออกจากกัน

พฤติกรรมการพักผ่อน (Play) - เนื่องจากคน Gen Y บางส่วนมักอาศัยอยู่กับครอบครัวหรือเช่าที่อยู่อาศัย ทำให้ภาระในการใช้จ่ายส่วนนี้จะน้อยลงกว่าคนรุ่นก่อน ซึ่งจำนวนเงินที่เหลือ Gen Y ให้น้ำหนักไปกับการใช้จ่ายในการหย่อนใจ มากสุดถึง 48% ของรายได้ทั้งหมด เช่น การท่องเที่ยว การช็อปปิ้งออนไลน์ การดูหนัง การดูคอนเสิร์ต หรือการทานอาหารนอกบ้าน มีการสำรวจพบว่า Gen Y นั้นออกไปใช้บริการห้องสรรพสินค้าอย่างมีนัยยะมากกว่าคนรุ่นก่อนๆ ที่ไปแค่เพื่อซื้อของแล้วกลับเท่านั้น ถึงแม้จะมีข้อมูลเชิงสถิติจากหลายแห่งที่ยืนยันว่า ตัวเลขของการช็อปปิ้งออนไลน์นั้นเพิ่มมากขึ้นในคนยุค Gen Y มากกว่าคนยุค Baby Boomer

            จากข้อมูลทั้งหมดข้างต้น อาจจะไม่สามารถฟันธงได้อย่างแน่นอนว่า Gen Y จะไม่นิยมซื้อบ้านจริงๆ แต่อาจจะเป็นเพราะเหตุผลด้านการเงินหรือรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ซึ่งการหาทางออกของเรื่องนี้ อาจจะต้องเป็นโจทย์ของดีเวลลอปเปอร์ที่ต้องคิดต่อว่า จะสามารถช่วยเหลือ จัดโปรโมชั่น หรือรองรับภาระทางการเงินของ Gen Y อย่างไร เพื่อให้สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ หรือแม้แต่การปรับรูปแบบการดีไซน์ที่อยู่อาศัย และต้อง ‘รู้ใจ’ ความต้องการของ Gen Y เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ทัน - เทอร์ร่า บีเคเค

บทความโดย : TerraBKK ข่าวอสังหาฯ

TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก