อัพสกิลธุรกิจ ‘การตลาดออนไลน์’ ทำอย่างไรให้ปัง และต้องไม่พัง เพราะ ‘ภาษี’ !!
เปิดกลยุทธ์เบื้องต้นของการทำ "การตลาดออนไลน์" ทำอย่างไรให้ปัง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย กับ เรื่อง "ภาษี" ที่นักขายมือใหม่ควรรู้ ก่อนกำไรที่หาได้จากกลายเป็นศูนย์
ยุคที่ผู้คนเริ่มมองหาการหารายได้หลากช่องทาง งานประจำอาจไม่เพียงพอและถูกมองว่าเสี่ยงต่อการดำเนินชีวิต หากมีการเลิกจ้างกะทันหัน โดยเฉพาะช่วงภาวะวิกฤติเศรษฐกิจหรือเช่นปัจจุบันที่ทั่วโลก และไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคโควิด-19 กิจการและกิจกรรมต่างๆ ต้องหยุดชะงัก จึงทำให้แนวคิดการหารายได้เพิ่มนั้นเติบโตขึ้นอย่างมาก
หนึ่งในช่องทางที่หลายคนมองว่ายังมีโอกาสและช่องว่างอยู่ คือ การค้าขายออนไลน์ ที่สามารถทำได้ง่ายๆ และมีแพลตฟอร์มรองรับการทำตลาด ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ทำให้นักขายมือใหม่ต่างมุ่งมาช่องทางนี้
- 5 หลักพื้นฐาน “การตลาดออนไลน์” สำหรับนักธุรกิจมือใหม่
“พงษ์ปิติ ผาสุขยืด” ผู้ก่อตั้งเพจ Ad addict ที่เล่าเรื่องการตลาดและโฆษณาในมุมมองที่เข้าใจง่าย เล่าถึงวิธีการทำการตลาดออนไลน์สำหรับผู้ที่เริ่มทำธุรกิจ ไว้อย่างน่าสนใจในงานสัมมนา “ยอดขายออนไลน์ปัง มาฟังเรื่องภาษี” ว่าจริงๆ แล้วปัจจุบันทุกคนไม่จำเป็นต้องมีงานหนึ่งงานเท่านั้น สถานการณ์โควิดที่เจอ บางทีความมั่นคงอาจไม่มั่นคงได้เหมือนกัน จึงอาจหาช่องทางอื่น โดยมี 5 คำแนะนำพื้นฐานในการเริ่มทำตลาดออนไลน์ ดังนี้
1.รู้ให้มาก ก่อนเริ่มทำตลาดมี 4 มุมที่ต้องรู้ สิ่งแรกที่สำคัญคือต้องรู้จักตัวเอง ต้องรู้ว่าจุดเด่นและจุดแข็งคืออะไร ขณะเดียวกันเมื่อทำการตลาด มักต้องแข่งขันกับคนอื่นมากมาย ไม่ใช่แค่แข่งขันกับคนที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกันเท่านั้น แต่รวมถึงกลุ่มธุรกิจอื่น ดังนั้นจึงต้องรู้จักคู่แข่งด้วย เช่น การทำเพจเฟซบุ๊คนั้น ต้องแข่งกับทุกฟีดเฟซบุ๊คที่ขึ้นมาก เป็นต้น สุดท้ายต้องมองหาโอกาสและช่องว่างที่สามารถสร้างความแตกต่างขึ้นได้
นอกจากนี้ต้องรู้จักลูกค้า ปัจจุบันไม่มีการสื่อสารแบบ Mass Marketing หรือคุยกับทุกคนแล้ว แต่ต้องเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เข้าใจพฤติกรรม ความต้องการ และต้องรู้จักสิ่งแวดล้อมต่างๆ สถานการณ์การบ้านเมือง แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ มีฟีเจอร์อะไรใหม่ๆ หรือไม่ จะได้ปรับวิธีการที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้สามารถหาวิธีการสื่อสารที่แตกต่างได้
2.เล่าให้เป็น หาวิธีการเล่าที่เหมาะสม การการทำการสื่อสารใจความสำคัญคือ สิ่งที่เราอยากบอก และสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายอยากรู้ ต้องหาจุดกึ่งกลางให้เจอ
3.เลือกให้เหมาะสม ปัจจุบันการขายของออนไลน์หรือการทำการตลาด มีโซเชียลมีเดียและมาร์เก็ตเพลสเยอะมาก ต้องเข้าใจว่าช่องทางต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นมาเพื่ออะไร คนแบบไหนที่ใช้งานช่องทางเหล่านี้ ลักษณะรูปแบบการสื่อสารแบบไหนที่เหมาะกับช่องทางเหล่านี้ เมื่อรู้แล้วว่าแตกต่างกันอย่างไรจะทำให้สามารถเลือกสื่อสารได้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ = ถูกเรื่อง + ถูกที่ + ถูกเวลา
4.รับฟังเยอะๆ บางทีเมื่อทำไปแล้วเมื่อจะรู้สึกว่าโอเคแล้วและทำไปเรื่อยๆ ซึ่งจริงแล้วอาจมีคำแนะนำหรือฟีดแบ็กของกลุ่มลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย
5.ลองไปเรื่อยๆ เนื่องจากไม่มีสูตรตายตัว ยกตัวเช่น ในมุมของนักโฆษณามีการทำเรียกว่า AB Testing โดยปัจจุบันในโลกออนไลน์สามารถทดสอบได้ ในกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน ลองทำโฆษณาที่แตกต่างกันและเปรียบเทียบกันได้ ว่าอันไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ก็สามารถโยกงบประมาณไปใช้ที่มีประสิทธิภาพนั้นได้ ทำให้การทำธุรกิจหรือการสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
- ทำอย่างไรให้มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้น?
นอกจากนี้เมื่อเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ไปแล้วนั้น หลายคนมักมองถึงการเพิ่มผู้ติดตามให้มากขึ้น ต้องตอบให้ได้ก่อนว่าอยากมีผู้ติดตามเยอะไปเพื่ออะไร อย่างบางแบรนด์ต้องการมีผู้ติดตามเยอะเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หรือบางแบรนด์เมื่อผู้คนติดตามจะทำให้มีกลุ่มเป้าหมายที่จะสื่อสารได้เยอะขึ้น
ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่จะทำให้มีผู้ติดตามได้เยอะคือ สร้างคุณค่า ต้องนึกถึงกลุ่มเป้าหมายว่า ถ้าเค้าต้องเสียอะไรไป และเค้าจะได้อะไรมา เช่น เสียเวลา แต่ได้ความรู้
รวมถึงต้องหาตัวตนให้ชัด เมื่อต้องแข่งขันกับทุกคน ต้องหาเอกลักษณ์และจุดเด่นที่คนจะลอกเลียนแบบไม่ได้ และต้องทันกระแส การทำการตลาดต่างๆ ต้องมีการศึกษาว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ไม่ใช่ทุกแบรนด์ที่ทำตามกระแสได้ และไม่ใช่ทุกกระแสที่จะทำการตลาดได้ เช่น การเมือง สุดท้ายคือต้องมีความต่อเนื่อง
เมื่อถามถึงประเด็นที่นักธุรกิจออนไลน์หลายคนสงสัย คือ การซื้อโฆษณาจำเป็นอยู่ไหม?
"พงษ์ปิติ" มองว่า คอนเทนท์หรือการสื่อสารที่มีคุณภาพต้องถูกเรื่อง ถูกที่ และถูกเวลา ดังนั้นควรที่จะให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์คอนเทนท์ที่ตรงทั้งกลุ่มเป้าหมาย ให้คุณค่ากับเขา ขณะเดียวกันต้องทำควบคู่ไปกับการโฆษณา แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องตอบให้ได้คือ ซื้อโฆษณาไปเพื่ออะไร และโฆษณานั้นสะท้อนกลับมาที่ยอดขายหรือไม่ ถ้าทำไปแล้วไม่มีประสิทธิภาพ ก็ต้องมองหาวิธีการอื่น เช่น ทำการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ สื่อ ข่าว ซึ่งเป็นผู้ที่มีอิทธิพล เป็นต้น
ทั้งนี้ ธุรกิจออนไลน์มีโมเดลหรือวิธีการในการหารายได้ที่หลากหลาย ไม่มีจุดตายตัว ลองหาโอกาสว่าเรามีประสิทธิภาพ มีสิ่งที่มีคุณค่าให้กับคน หรืออะไรต่างๆ ที่สามารถสร้างได้บ้าง
อย่างไรก็ตามเมื่อฟังกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ให้ปังจากกูรูด้านการตลาดแล้ว สำหรับผู้ที่ทำการตลาดออนไลน์หรือนักธุรกิจออนไลน์มือใหม่นั้น อีกเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจคือ "ภาษี" เพราะหากไม่รู้เรื่องภาษี เห็นภาพของรายได้หรือกำไรที่หามาได้อาจจะไม่เหลือเลยก็ได้
- “ภาษี” เรื่องควรรู้สำหรับการขายออนไลน์
“ถนอม เกตุเอม” เจ้าของเพจ TaxBugnoms หนึ่งในเพจที่ประสบความสำเร็จจากการเล่าเรื่องภาษีให้เข้าใจง่ายๆ ก็สะท้อนถึงการทำคอนเทนต์ว่า วิธีการทำคือต้องเลือกกลุ่มคนที่ฟัง บางเรื่องอาจมีคนฟังน้อย แต่ก็ฟัง บางเรื่องคนก็ฟังเยอะสุดท้ายคุณค่าที่คนได้รับ คือ สามารถจัดการรายจ่ายและจัดการเรื่องภาษีได้ สิ่งสำคัญอีกเรื่องคือ ตัวตนต้องชัด และต้องรู้ว่าลูกค้าคือใคร เราเป็นอะไร และต้องเลือกในมุมที่เราจะเป็น ถ้าเราเลือกทุกอย่าง ทุกคนจะไม่จำ
สำหรับเรื่องภาษีนั้น เจ้าของเพจ TaxBugnoms อธิบายเบื้องต้นว่า จริงๆ แล้วควรมองภาษีเป็นค่าใช้จ่ายตัวหนึ่งที่ต้องควบคุมให้ได้ เพราะหากไม่จัดการภาษีอย่างเข้าใจ สิ่งที่ต้องเผชิญคือเบี้ยปรับที่อาจสูงกว่าภาษีที่ต้องจ่ายจริง ซึ่งหลายคนพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ บางคนเสียเงินไปจ้างที่ปรึกษาอาจมากกว่าภาษีที่ต้องจ่ายอีก
ทั้งนี้สโคปเรื่องภาษี ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจตัวเองก่อนว่าวันนี้ทำธุรกิจอะไร มีรายได้ประเภทไหน และสิ่งที่มีต้องเสียอะไรบ้าง ทำไมถึงต้องเสีย ต้องเสียเพราะอะไร ซึ่งต้องคำนวณให้ได้ถึงจะประหยัดงบประมาณในส่วนนี้ได้
SOURCE : www.bangkokbiznews.com