นอกจากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศแล้ว เวลานี้เศรษฐีไทย ยังเริ่มสนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศด้วย โดยไทยกลายเป็นหนึ่งในตลาดที่เจ้าของโครงการในต่างประเทศ โดยเฉพาะอังกฤษและญี่ปุ่นให้ความสนใจเข้ามาจัดอีเวนต์เฉพาะกลุ่ม โดยใช้ฐานรายชื่อลูกค้าวีไอพีของบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์และตัวแทนขาย ในลักษณะปิดห้องประชุมโรงแรมหรู ขายคอนโดและบ้านพักตากอากาศ
พรพิมล พึ่งเขื่อนขันธ์ ผู้อำนวยการแผนกซื้อขายที่พักอาศัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา ออสเตรเลีย และอังกฤษ เหมาะสำหรับนักลงทุนคนไทยที่สนใจลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อไว้ให้กับบุตรหลานของตนเองเพื่อใช้เป็นที่พักขณะศึกษาต่อยังต่างประเทศ ทั้งนี้ นักลงทุนยังสามารถนำห้องปล่อยเช่าได้เมื่อบุตรหลานเรียนจบหรือขายต่อในอนาคต
ขณะที่อังกฤษ อาจเป็นประเทศที่คนไทยมีความคุ้นเคยมากกว่าประเทศอื่นๆ เพราะเศรษฐีไทยนิยมส่งลูกหลานไปเรียนต่อที่อังกฤษเป็นอันดับต้นๆ จึงมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอังกฤษเข้ามาทำตลาดในไทยมากกว่าประเทศอื่นโดยประเทศอังกฤษเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ใจกลางระหว่างหลายประเทศในฝั๋งยุโรป มีสถาบันการศึกษาชั้นนำที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เป็นประเทศที่มีระบบการเงินที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนสูง
นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งช็อปป็งชั้นนำของโลก และมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือสนามบินหลายแห่ง จากปัจจัยเหล่านี้ทำให้มีคนนิยมมาลงทุนทำธุรกิจ หรือศึกษาต่อเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีผลทำให้ตลาดอสังหาฯ ที่อยู่ในทำเลที่ตั้งใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือสถานศึกษา จะมีศักยภาพในการปล่อยเช่าได้เป็นอย่างมาก
กลุ่มผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจหรือนักศึกษาจากต่างประเทศ โดยการคิดค่าเช่านั้นส่วนใหญ่จะคิดค่าเช่าเป็นรายสัปดาห์ หากนักลงทุนที่สนใจปล่อยเช่า ก็สามารถติดต่อกับเอเยนต์ ซึ่งจะดูแลในเรื่องของสัญญาการเช่าต่างๆแทนนักลงทุนได้เป็นอย่างดี ส่วนอัตราผลตอบแทนการเช่าที่คาดว่าจะได้รับอยู่ในระดับ 3-4% ต่อปี สำหรับอสังหาฯ ที่อยู่ใจกลางเมืองหรือใกล้เส้นทางคมนาคมที่สามารถเชื่อมต่อเข้ามาในใจกลางเมือง
พรพิมล กล่าวว่า ทำเลที่ควรลงทุน ควรเลือกลงทุนในเมืองหลวง เช่น ลอนดอน ซึ่งสามารถแบ่งเขตที่อยู่อาศัยออกเป็น 9 โซน โดยโซนที่ใกล้ใจกลางเมืองจะเรียกว่าโซน 1 ซึ่งเป็นโซนที่ใกล้กับศูนย์การค้าที่สำคัญ ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ดังนั้นถือเป็นโซนที่นิยมสำหรับนักลงทุน โดยนักลงทุนไทยส่วนใหญ่เลือกลงทุนในย่านเคนซิงตัน เซาท์เคนซิงตัน ไนต์บริด ไฮปาร์ก และบริเวณที่ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน
ปัจจุบันทางลอนดอนได้ดำเนินการพัฒนาแผนการเดินรถไฟฟ้าที่เรียกว่า Crossrail ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี 2561 โดยเครือข่ายรางรถไฟจะเป็นจุดเชื่อมแนวพื้นที่ขอบของลอนดอนตะวันออกและตะวันตกเข้ากับใจกลางเมืองหลวง ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อราคาที่เพิ่มขึ้นของอสังหาริมทรัพย์ตลอดเส้นทางของสถานี นอกจากนี้กลุ่มนักลงทุนยังสนใจที่จะลงทุนในบริเวณ City หรือ Canary Wharf ซึ่งมีศักยภาพสำหรับตลาดเช่าในอนาคต เพราะเป็นย่านที่มีอาคารสำนักงานตั้งอยู่มาก
ด้านห้องชุดที่ได้รับความนิยมในการปล่อยเช่าและขายต่อในอนาคต จะเป็นห้องชุด 1 ห้องนอน พื้นที่ 45-60 ตารางเมตร และห้องชุด 2 ห้องนอน พื้นที่ 85-110 ตารางเมตร ซึ่งทำเลที่ตั้งควรอยู่ใกล้กับศูนย์การค้า รถไฟ้ฟ้า หรือจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าใต้ดินส่วนใหญ่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการ เช่น สระว่ายน้ำ หรือห้องออกกำลังกาย จะมีเฉพาะโครงการใหม่เท่านั้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

สามารถติดตาม Terrabkk ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ

Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.