นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ภายหลังท่าทีความขัดแย้งทางการเมืองยุติลง และภาคประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้น ตลอดจนภาคธุรกิจเริ่มกลับมาขับเคลื่อนการค้าขายได้ตามปกติ โดยเฉพาะภาคธุรกิจรับสร้างบ้านที่บรรดาผู้ประกอบการ
ซึ่งแข่งขันอยู่ในตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต่างออกมาโหมจัดกิจกรรมทางการตลาดกันอย่างคึกคักในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากที่กำลังซื้อชะลอตัวมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงแรกของการปลุกตลาดและกำลังซื้อนั้น สามารถเรียกกำลังซื้อให้คืนกลับมาได้ดีพอสมควร แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนสุดท้ายของไตรมาส 3 นี้ กลับพบว่า กำลังซื้อผู้บริโภคโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เริ่มชะลอตัวลงอีกครั้ง ขณะเดียวกันกำลังซื้อต่างจังหวัดในบางพื้นที่ เช่น จังหวัดในภาคเหนือก็ชะลอตัวตามด้วยเช่นกัน
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจของประเทศ ที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้า ดังนั้นผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ จึงควรเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ เพื่อปรับตัวตามทิศทางตลาดและกำลังซื้อผู้บริโภค นอกจากนี้ ควรหาแนวทางลดต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะต้นทุนค่าแรงทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมกันนี้ควรหันมาเน้นสร้างจุดขายของตัวเอง เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
สำหรับตลาดรับสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง ยอมรับว่าขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และกำลังซื้อมีความผันผวนพอสมควร ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ที่ยืดเยื้อมานานและภาวะเศรษฐกิจปีนี้ที่ชะลอตัว ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ทั้งรายเล็กรายใหญ่ต่างออกมาแข่งขันราคากันอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่อาจกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคได้มากนัก โดยเฉพาะกำลังซื้อกลุ่มกลางถึงบนที่มักเน้นคุณภาพและบริการที่แตกต่างหรือเลือกความคุ้มค่าเป็นสำคัญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการแข่งขันราคาไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ เองก็ได้มีการจัดกิจกรรมคืนกำไรให้แก่ลูกค้าในช่วงไตรมาสสามนี้ ด้วยแคมเปญมอบโชคลุ้นชิงรางวัลที่ 1 ส่วนลดเงินสด 40% (สูงสุด 4 ล้านบาท) จำนวน 1 รางวัล และรางวัลที่ 2 ลุ้นรับส่วนลดเงินสด 4 แสนบาท จำนวน 2 รางวัล รวมทั้งรางวัลอื่นๆ อีกมากมายรวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายสำหรับแคมเปญนี้ไว้ 600 ล้านบาท
ที่มา : ASTVผู้จัดการรายวัน