นายจักรพร อุ่นจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ และจัดตั้งรัฐบาลได้ตามกำหนดที่วางไว้ ทำให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจหันกลับมาลงทุนมาขึ้น โดยในส่วนของอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2557 ในช่วงไตรมาส 4 จะขยายตัวสูงสุดจากงานภาครัฐที่คั่งค้างอยู่หลายงาน ทำให้คาดว่ายอดการลงทุนตลอดปีนี้จะมีมูลค่าประมาณ 9.5-9.6 แสนล้านบาท ขยายตัว 1% เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มีมูลค่าลงทุน 9.52 แสนล้านบาท
ส่วนปี 2558 คาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนในอุตสาหกรรมก่อสร้างสูงถึง 1 ล้านล้านบาทเป็นปีแรก เติบโตจากปีนี้ 5-6% เนื่องจากมีหลายโครงการที่ชะลอการลงทุนในช่วงต้นปี 2557 จะกลับเข้ามาลงทุนในปี 2558 เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีโครงการลงทุนจากภาครัฐ ทั้งโครงการลงทุนตามงบประมาณปกติ และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม หากในปีหน้าอุตสาหกรรมก่อสร้างกลับมาฟื้นตัว ก็จะเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานตามมาเหมือนในทุกๆ ปี จนทำให้เกิดการแย่งชิงแรงงาน แต่บริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ได้เริ่มใช้เทคโนโลยีมากขึ้น โดยการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ของคอนโดมิเนียมแล้วนำมาประกอบเป็นตัวตึก ซึ่งช่วยลดแรงงานได้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่จากการเยือนฟิลิปปินส์ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐของฟิลิปปินส์ได้เสนอให้ไทยนำเข้าแรงงานฟิลิปปินส์เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานของไทยได้
นอกจากนี้ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยอยู่ระหว่างการผลักดันก่อตั้งสภาก่อสร้างไทย เพื่อจัดระบบอุตสาหกรรมก่อสร้างให้ได้มาตรฐาน เนื่องจากในขณะนี้ผู้ที่อยากทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ก็เพียงเข้ามาจดทะเบียนตั้งบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ได้เลยโดยไม่ต้องมีมาตรฐานใดๆ รองรับ ทำให้เกิดปัญหาการทิ้งงาน หรือการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งในต่างประเทศได้ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยจากการก่อสร้างมาก ผู้ประกอบการที่จะเข้ามาเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างจะต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก