บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยผลสำรวจภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวน 168 โครงการ หรือ 94,718 ยูนิต แบ่งเป็นคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในปี 2557 และ 2558 ร้อยละ 70 และอีกร้อยละ 30 อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง กำหนดเสร็จหลังปี 2558 ราคาขายคอนโดในเขตกรุงเทพฯ เฉลี่ย 9 หมื่น 4 พัน บาทต่อตารางเมตร ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากช่วงปลายปีที่แล้ว โดยราคาเฉลี่ยของคอนโดแบบ High-Rise อยู่ที่ 104,000 บาท และ Low-Rise อยู่ที่ 67,000 โดยคอนโดบนทำเลย่านสีลม , สาทร , พระราม 4 ขายดีที่สุด มีราคาเฉลี่ย 148,000 บาทต่อตารางเมตร
ขณะที่คอนโดมิเนียมติดสถานีรถไฟฟ้า พบว่า สถานีที่มีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงสุดคือสถานีราชดำริ อยู่ที่ 2 แสน 7 หมื่น บาทต่อตารางเมตร รองลงมาคือราชเทวีและเพลินจิต อยู่ที่ 2 แสน 2 หมื่น บาทต่อตารางเมตร และอันดับ 3 คือสถานีพร้อมพงษ์และสุรศักดิ์ อยู่ที่ 200,000 บาทต่อตารางเมตร นอกจากนี้ คอนโดมิเนียมในโซนบางแค ท่าพระ จรัญสนิทวงศ์ มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น เนื่องจากความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายมีความคืบหน้าไปมาก
ผู้บริหาร พลัส พร็อพเพอตี้ ประเมินว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ส่วนแนวทางในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของรัฐนั้น อาจกระทบผู้บริโภครายย่อยที่มีรายได้ไม่สูงมาก รวมถึงอาจส่งผลให้ราคาคอนโดฯ ย่านใจกลางกรุงเทพฯ ในปีหน้าขยับไปอยู่ที่ 4 แสนบาทต่อตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-10
นอกจากนี้ การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีข้อดีคือ ทำให้เจ้าของที่ดินเร่งพัฒนาโครงการ โดยไม่ปล่อยให้รกร้างไว้นาน เพราะจะกระทบต้นทุน และมีผลกระตุ้นให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำตลาดเพื่อให้มีราคาที่แข่งขันได้