นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) SCG เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้จากการขาย 124,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายของธุรกิจเคมีภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น แต่ในส่วนของกำไร ยังลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20% อยู่ที่ 7,846 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากปีก่อนมีกำไร จากรายการพิเศษถึง 1,701 ล้านบาท จากการปรับมูลค่าการลงทุนในบริษัทย่อย แต่ยังประเมินว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4 จะมีมูลค่าสูงสุดในรอบปีนี้ โดยจะมา จากการฟื้นตัวต่อเนื่องของอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพื่อรองรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ และรายได้จากธุรกิจเคมีภัณฑ์จะเพิ่มขึ้น ช่วยผลักดันยอดขายรวมตลอดทั้งปีนี้อยู่ที่ 488,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 486,000 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจของบริษัทในเครือฯ ในภูมิภาคอาเซียน ในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ ปรากฏว่า มีรายได้จากการขาย 35,565 ล้านบาท คิดเป็น 9% ของรายได้รวม ซึ่งเป็นผลจากการขายที่เพิ่มขึ้น ของธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ และธุรกิจกระเบื้องเซรามิก ในประเทศเวียดนาม รวมถึงคอนกรีตผสมเสร็จ ในประเทศพม่า ส่วนการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจปิโตรคอมเพล็กซ์ ในเวียดนามคาดว่าจะได้ข้อสรุป วงเงินลงทุนภายในปี 2558 ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะ สามารถเพิ่มสินทรัพย์รวมของธุรกิจในตลาด อาเซียนเพิ่มขึ้นถึง 20% ภายใน 5 ปี จากในปัจจุบันอยู่ที่ 17% ของสินทรัพย์รวม โดยบริษัทได้ตั้งงบลงทุนในปี 58-62 มูลค่า 200,000-250,000 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นหลัก เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ในปีนี้ ยอดขายปูนซิเมนต์ของทั้งอุตสาหกรรมอาจไม่มีการเติบโต ซึ่งจะทรงตัวอยู่ที่ 40 ล้านตัน ใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก ปัญหาความไม่สงบและภาวะเศรษฐกิจ ชะลอตัวลงกดดันยอดขายปูนซิเมนต์ภายในประเทศช่วงไตรมาส 3 ลดลง 3% แต่ก็ประเมินว่าในปีหน้า อุตสาหกรรมปูนซิเมนต์จะได้รับอานิสงส์จากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งจะทำให้ยอดขายปูนซิเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อกิจการในสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับบริษัท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนพ.ย.นี้ โดยเชื่อมั่นว่าธุรกิจดังกล่าว จะเข้ามาช่วงเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยี เพื่อต่อยอดธุรกิจในอนาคต.
ที่มา : piroonnews