เสี่ยโรงงานรุมตอมนาโนไฟแนนซ์ เล็งให้ฉันทนากู้จ่ายนอกระบบ-ตจว.ก็ยื่นขอเพียบ
นาโนไฟแนนซ์รุ่ง เสี่ยภูธร-เจ้าของโรงงานรุมตอม โดยเฉพาะเจ้าของโรงงานเล็งให้พนง.กู้ไปใช้หนี้นอกระบบ ชี้ได้เปรียบเพราะรู้จักลูกหนี้เป็นอย่างดี แถมการยื่นขอไม่ซับซ้อน คาดในอนาคตมาอีกเพียบ ด้านรมว.คลัง ยอมรับงบปี′59 ต้องขาดดุลอีก
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่ามีผู้สนใจขอประกอบธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ จำนวนมาก คาดว่าจะมีนักธุรกิจต่างจังหวัดที่มีเงินสนใจมาประกอบธุรกิจนาโนไฟแนนซ์มากขึ้นอีกในอนาคต คาดว่าจะเริ่มมีการปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์ตั้งแต่ต้นปีใหม่ 2558 เป็นต้นไป
สำหรับการปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์ เป็นการปล่อยกู้ให้กับรายย่อยไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 36% เป็นการปล่อยกู้แบบไม่มีหลักประกัน เป็นการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เพราะการกู้จากนาโนอัตราดอกเบี้ยถูกกว่า ซึ่ง ธปท. จะเป็นผู้กำกับดูแลการปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์ เหมือนกับการดูแลการปล่อยสินเชื่อบุคคลของสถาบันการเงิน และนอนแบงก์
"สาเหตุมีผู้สนใจปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์จำนวนหลายราย เพราะรัฐบาลเปิดโอกาสมากขึ้น ผู้ประกอบการสามารถปล่อยกู้ได้ทั่วประเทศ ไม่มีจำกัดพื้นที่ เนื่องจากเห็นว่า ผู้ประกอบการจะต้องบริหารต้นทุนจะบังคับปล่อยในพื้นที่คุ้ยเคยกับลูกค้า และสามารถดูแลได้ใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นมาในภายหลัง"
คิดว่ามีเจ้าของโรงงานที่มีลูกจ้างจำนวนมากๆ สนใจจะทำนาโนไฟแนนซ์ ปล่อยกู้ให้กับพนักงานของตัวเอง เพราะดูแลบริหารได้ง่าย และพนักงานก็กู้เงินจากนอกระบบอัตราดอกเบี้ย 5-10% ต่อเดือน แต่มากู้นาโนไฟแนนซ์อัตราดอกเบี้ยเดือนละ 3% ลดภาระได้มาก ถือเป็นการช่วยพนักงานและบริษัทก็มีรายได้จากการปล่อยกู้
ด้านนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะขยายตัวได้ดีตามที่คาดเฉลี่ย 3.5-4.5% ได้ แม้ว่าการส่งออกจะยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นตามที่คาดการณ์หรือไม่ หากเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ไม่ขยายตัวตามที่คาดการณ์ไว้ รัฐบาลก็พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะฟื้นโครงการลงทุนเหมืองแร่โพแทชอาเซียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ส่วนงบประมาณปี 2559 กระทรวงการคลังคงจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อไปอีก 1 ปี เพราะยังมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ที่มา : นสพ.ข่าวสด
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.