น้ำมันถูก′ราคาบ้าน′จะถูกด้วยหรือเปล่า

ขึ้นปีใหม่แล้วจะหวังให้ราคาบ้านถูกลงเป็นได้แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ค่ะ เวลาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทางใดทางหนึ่งความรู้สึกคนเรามักจะไปก่อนว่า ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีราคาบ้านต้องถูกลงแน่ๆ เลย ในโลกแห่งความเป็นจริง ยังไม่เคยเห็นราคาบ้านถูกลงสักทีเรากำลังพูดถึงกรณีบ้านสร้างใหม่ ปลูกใหม่เอี่ยมเช้งกระเด๊ะ ย้อนหลังกลับไปแค่ปี 2554 ปีที่น้องน้ำโจมตีลึกเข้ามาถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประชาชนโทรเข้ามาถามสายแทบไหม้ว่าราคาอสังหาริมทรัพย์จะถูกลงหรือไม่ ตอนนั้นต้องตอบคำถามซ้ำซากว่าไม่แน่นอนค่ะ เหตุผลง่ายนิดเดียว ถ้าต้องการจะซื้ออสังหาฯราคาถูกลง แปลว่าอีกฝ่ายต้องเป็นผู้ขาย นั่นคือต้องมี "ผู้ซื้อ-ผู้ขาย" คนซื้อก็จ้องแต่จะรอช้อปของถูก จนลืมไปว่าบ้านไม่ใช่สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีวันหมดอายุพอของเหลือขายเยอะเข้าก็ต้องเอามาเลหลังเทกระจาดแต่บ้านเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่นับวันมีแต่จะทวีมูลค่า เพราะเป็นทรัพย์ที่ค่าเสื่อมราคาน้อยถึงน้อยมาก

ประเด็นสำคัญยิ่งกว่าคือ ฝั่งคนขายถ้ามีเหตุอะไรก็ตามที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจแย่ลง ราคาก็คงเดิม อย่างมาก "สภาพคล่อง" หรือสภาวะการซื้อขายอาจจะไม่ได้บูมเปรี้ยงปร้างเท่านั้นเอง ตัวอย่างชัดเจนที่สุด ทำเลบางบัวทอง เป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร ปีน้ำท่วมราคาอสังหาฯ นิ่งสนิท ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนดุจพลิกฝ่ามือผู้บริโภคลืมไปแล้วว่าโซนนี้เป็นพื้นที่ฟลัดเวย์ หรือพื้นที่รับน้ำกับลืมไปแล้วว่าเคยท่วมมากมายสาหัสแค่ไหน ภาพตอนนี้คือจะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการภายใน 1 ปีเศษๆ แถมมีห้างชื่อดังลงทุนตอกเสาเข็มรองรับรถไฟฟ้าสายใหม่ ผลลัพธ์คือราคาบ้านพุ่งไม่หยุดที่ดินตอนนี้หลายแปลงมีคนหยิบไปทำคอนโดมิเนียมขาย ราคา 1-3 ล้านบาท ขายดิบขายดีราวกับแจกฟรี

กรณีที่เห็นจัดโปรโมชั่นลดราคา บอกได้เลยว่าส่วนลดถูกคำนวณอยู่ในต้นทุนพัฒนาโครงการตั้งแต่แรกแล้วและโปรโมชั่นทำกันตลอดทั้งปี จึงไม่ใช่การลดราคาที่แท้จริงแต่เป็นมายาการตลาดอย่างหนึ่งของผู้ประกอบการ กลับมาที่คำถามว่าน้ำมันราคาถูกลงในตอนนี้จะทำให้บ้านราคาลดลงตามน้ำมันไปด้วยหรือไม่ ก็ต้องกลับไปดูว่าน้ำมันเป็นต้นทุนกี่เปอร์เซ็นต์ของการพัฒนาโครงการเชื่อหรือไม่ คำอธิบายของนักพัฒนาที่ดินเขาบอกว่า น้ำมันลิตรละ 32-33 บาท ลดเหลือ 25-26 บาท มีผลต่อราคาบ้านที่จะลดลงไม่ถึง 50 สตางค์ต่อราคาขายทุก 100 บาท อธิบายให้ง่ายเข้าไปอีก บ้านราคา 1 ล้านน้ำมันขาลงมีผลต่อต้นทุนไม่ถึง 5 พันบาท ซึ่งอย่าว่าแต่ราคาบ้านหลังเบ้อเริ่มเลยแม้แต่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทางกรมการค้าภายในท่านคำนวณออกมาแล้วว่ามีผลต่อต้นทุนขนส่ง-ต้นทุนผลิตไม่ถึง 0.01-0.7% ต่อหน่วย หรือไม่ถึง 1 สตางค์ด้วยซ้ำ รู้ไหมว่านอกจากราคาบ้านจะไม่ถูกลงแล้วในทางกลับกันยังขึ้นราคาเงียบๆ ไม่ให้รู้ตัวอีกต่างหาก ...ฟังแล้วสยอง จริง จริง