เป็นปรากฏการณ์ที่นาน ๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง เมื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เคยยืนในระดับกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล กลับหล่นฮวบลงมาเหลือกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ภายใน 1 เดือน ภายใต้ภาวะราคาน้ำมันขาลงถูกจับจ้องว่าจะกดดันราคาปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างให้ลดลงได้หรือไม่ ล่าสุดสัมภาษณ์พิเศษ "กานต์ ตระกูลฮุน" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี ในโอกาสมาเยี่ยมเยีียน บมจ.มติชน ช่วงปีใหม่ ขณะเดียวกันวาระปี 2558 จะเป็นปีสุดท้ายที่เขานั่งเก้าอี้ซีอีโอ เอสซีจี ในฐานะผู้นำธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ทิศทางตลาดวัสดุปีนี้จะเป็นอย่างไร และเตรียมความพร้อมผ่องถ่ายตำแหน่งผู้นำองค์กรไว้อย่างไรบ้างบรรทัดต่อจากนี้ไปคือคำตอบ

- น้ำมันลง ราคาซีเมนต์-วัสดุจะลดลง ก็มีโอกาสครับ เป็นไปตามกลไกตลาด ปลายไตรมาส 4/57 ราคาเริ่มอ่อนตัวลงมา ผู้ผลิตทุกรายมีต้นทุนลดลงเป็นอย่างนั้น ตลาดซีเมนต์ วัสดุของเราค่อนข้างเป็นเปอร์เฟ็กต์คอมพีติชั่น หรือแข่งขันกันสมบูรณ์ ปัจจุบันราคาปูนซีเมนต์ถ้าเป็นราคาต่อดอลลาร์ถือว่าอ่อนตัวลง เพราะค่าเงินบาทอ่อนลงมาที่ 33 บาท
โดยรวมการส่งออกซีเมนต์ของบริษัทปีนี้คงจะลดลงบ้างจากปีก่อน เพื่อมาขายในประเทศเพิ่มขึ้น สำหรับปี"58 ประมาณการว่า การขายทั้งปี (รวมส่งออก) น่าจะราว 17 ล้านตัน แต่ตัวเลขชัดเจนขอดูไตรมาส 4/57 ที่ผ่านมาอีกครั้ง

- ปีนี้ห่วงปัจจัยอะไรมากสุด (นิ่งคิด) หลัก ๆ ยังเป็นเรื่องการเมือง อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ปีนี้คงยังไม่มีการเลือกตั้ง คงมีเรื่องการแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ มองว่าจะเป็นประโยชน์ ทำให้ประเทศแข็งแรงขึ้น ปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัย กระบวนการทำงานรวดเร็วขึ้น เช่น กระบวนการด้านภาษีศุลกากร ฯลฯ ส่งเสริมเพิ่มโอกาสต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยเฉพาะนักลงทุนที่จะเข้ามาตั้งออฟฟิศในไทย เป็นอินเตอร์เนชั่นแนลเทรดดิ้งฮับ จะเป็นประโยชน์กับประเทศมาก ควรจะรีบส่งเสริมเลย นอกจากนี้ กฎหมายลูกที่จำเป็นต้องแก้ก็ควรจะต้องรีบทำ เพราะจากที่พูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติ พร้อมจะเข้ามาลงทุนอยู่แล้ว ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ถ้าเร่งได้จะดี ทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่) ที่ได้ผู้รับเหมาแล้ว สายใหม่ ๆ ที่อยู่ในแผนงาน โครงการรถไฟทางคู่ ถ้าทำได้เป็นผลบวกกับเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศอยู่แล้ว

- วันนี้มองเศรษฐกิจอย่างไร ปีนี้ทิศทางคงดีขึ้นแน่อยู่แล้ว เพราะปีที่ผ่านมาไม่ค่อยดี ตัวเลขอัตราจีดีพีที่หลายค่ายพูดกันเยอะคือ จีดีพีจะเติบโตต่ำกว่า 4% แต่ผมมองว่าโอกาสจะเติบโตถึง 4% เดือนธันวาคมที่ผ่านมาก็เช็กยอดขายเป็นรายวัน ก็สบายใจว่ายอดขายดีขึ้นอย่างที่หวัง แต่ต้องยอมรับว่าพอราคาน้ำมันลงแรง ๆ เซ็กเตอร์ธุรกิจพลังงานหรือที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงาน กลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบกระเทือน คนที่อยู่ในธุรกิจเหล่านี้จะเริ่มได้รับผลกระทบ ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นก็ปรับลดลงจากผลของราคาน้ำมันในตลาดโลก นักลงทุนที่อยู่ในตลาดหุ้นที่อาจจะขาดทุนในธุรกิจพลังงาน กำลังซื้อในประเทศอาจจะลดลงบ้าง ขณะเดียวกันเมื่อราคาน้ำมันลดลงแรง ก็จะกระทบกับประเทศที่มีรายได้จากการส่งออกน้ำมัน เช่น รัสเซีย ตะวันออกกลาง กับอีกหลาย ๆ ประเทศที่ผลิตพลังงาน แต่น่าจะมีผลกระทบกับการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น น้ำมันลงรอบนี้น่าจะเป็นผลดีกับเศรษฐกิจโลกโดยรวมด้วย โดยเฉพาะประเทศที่นำเข้าน้ำมันจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากนำเข้าน้ำมันราคาถูกลง ยกตัวอย่าง "อาเซียน" หลัก ๆ เป็นประเทศเน็ตอิมพอร์ต นำเข้าพลังงานเป็นหลัก ถึงแม้ประเทศอินโดนีเซียจะเป็นผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่ แต่ราคาถ่านหินปัจจุบันไม่ได้ปรับลดลงมาก ถ้าให้เวลาอีกสัก 1 ไตรมาส โดยรวมทั้งโลกน่าจะมีกำลังซื้อมากขึ้น ยิ่งมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ รัฐบาลมีนโยบายที่ออกมาสนับสนุนการลงทุน เช่น การเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 จังหวัด

- อยากให้รัฐบาลขับเคลื่อนอะไร อย่างที่เคยบอกเรื่องอินฟราสตรักเจอร์ถ้าลุยได้ เอกชนจะเชื่อมั่นและกล้าลงทุนตาม เชื่อว่าทุก ๆ เซ็กเตอร์พร้อมจะลงทุนปีนี้เหมือนกัน

- ในอาเซียนเอสซีจียังลงทุนต่อ ใช่ครับ ตอนนี้ถือว่าเราเป็นผู้นำในอาเซียน เช่น วัสดุก่อสร้าง ซีเมนต์ แต่ก็ยังต้องเติบโตต่อ สิ่งที่เน้นคือเรื่องอาร์แอนด์ดี หรือการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จะต้องเพิ่มขึ้นอีก เป็นตัวช่วยให้เอสซีจีแข็งแกร่งขึ้น ก็อยากให้ทุก ๆ บริษัทในประเทศไทยเพิ่มน้ำหนักการทำอาร์แอนด์ดีมากขึ้น ผมมองว่าการแข่งขันในอนาคตจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ การพัฒนาสินค้า คิดค้นนวัตกรรม จะเป็นคีย์ที่ทำให้แข่งขันได้ และจะได้ประโยชน์จากการเปิดเออีซี

- งบฯลงทุนอาเซียนปีนี้ ปี"58 เอสซีจีจะใช้เงินลงทุนมากกว่าปีที่ผ่านมาพอสมควร หลายโครงการกำลังรันต่อเนื่อง อย่างโรงงานซีเมนต์ใน สปป.ลาว กัมพูชา กำลังขยาย ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้น คงไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นล้านบาท

- อีก 1 ปีจะเกษียณเตรียมอะไรบ้าง เรียนว่าเราเตรียมความพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว (หัวเราะ) การทำซักเซสชั่นแพลนจบแล้ว วางไว้หมด น้อง ๆ ที่จะเติบโตขึ้นมาทดแทน การวางแผนเรื่องคนที่จะเข้าไปอาเซียนรองรับขยายการลงทุนอนาคตรันไว้หมดแล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วงเลย เพียงแต่จะให้บริษัทขยายตัวมากกว่านี้ได้อีกแค่ไหน เพราะแนวโน้มมองว่าภูมิภาคอาเซียนยังมีโอกาสอีกเยอะ ปีนี้ผมก็จะเดินทางต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะอาเซียนเพื่อพบปะพันธมิตรธุรกิจและดูโอกาสการลงทุนอย่างใกล้ชิด ล่าสุดการซื้อกิจการเกี่ยวกับบริษัทด้านการวิจัยในยุโรปก็จบแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อคือทำอย่างไรให้คนบริษัทรักเอสซีจี ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่

- 9 ปีที่เป็นซีอีโอ มาถึงเป้าหมายแล้ว ก็มาได้อย่างที่ตั้งใจ น้อง ๆ ให้ความร่วมมือ ทุกคนทุ่มเท สำคัญที่สุดคือองค์กรเริ่มเปลี่ยนคัลเจอร์ หรือวัฒนธรรมองค์กรได้ชัดเจน เป็น "อินโนเวทีฟคัลเจอร์" เป็นองค์กรนวัตกรรม กลายเป็นเรื่องปกติแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ เดิมอาจจะมีคำถามอยู่บ้างว่าทำไปเพื่ออะไร เรื่องความร่วมแรงร่วมมือก็เป็นจุดแข็งของเอสซีจี ไม่ใช่เฉพาะในบริษัทกลุ่มธุรกิจเดียวกัน แต่ข้ามกล่มธุรกิจก็ให้ความร่วมมือดี แน่นอนว่าเป้าหมายต้องแชลเลนจ์ไปเรื่อย ๆ ที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้อยู่แล้ว จริง ๆ ก็วางแผนระยะยาวมาตลอดไ ม่ได้มองช่วงนี้ แต่มองไปถึง 10 ปีข้างหน้า ทิศทางองค์กรจะไปอย่างไร ภูมิภาคอาเซียนยังคงเป็นหลักแน่นอน สิ่งที่ทำมาเริ่มสัมฤทธิผลค่อนข้างดี เห็นชัดเจนเวลาเศรษฐกิจไทยอ่อนตัวลง ธุรกิจที่เราออกไปลงทุนในอาเซียนเป็นตัวช่วยได้มาก อย่างธุรกิจเซรามิกในอาเซียน รอบหลายเดือนที่ผ่านมาถือว่าดีมาก ๆ เป็นตัวช่วยพยุงดีมานด์ในประเทศที่อ่อนตัวลงบ้าง อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่า ปีหน้าจะดีขึ้นแน่นอน ผมค่อนข้างมั่นใจ

- ใกล้เกษียณแล้วใจหาย ไม่เลย (หัวเราะ) มีความสุขกับการทำงานครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก :

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มเติมได้ที่ : www.TerraBKK.com

Facebook : TerraBKK Facebook

Google+ : TerraBKK Google+

Twitter : TerraBKK Twitter