แม้จะประเมินกันว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะค่อยๆ ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าตลาดจะเติบโตในระดับ 5% เกินกว่านั้นถือว่าเป็นกำไรชีวิต แต่หากดูจากแผนการลงทุนบุกตลาดในปีนี้ของ บิ๊กเนมในตลาด 3 ค่าย ประกอบด้วย บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท และบริษัท แสนสิริ ที่มีมูลค่าโครงการรวมกันกว่า 1.2-1.3 แสนล้านบาท แล้วนั้น ต้องบอกว่า ไม่ได้เป็นไปตามภาวะตลาดที่เพิ่งค่อยเริ่มฟื้นตัว และน่าจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ได้ว่า ปีนี้การแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ยังดุเดือดเข้มข้นเช่นเคย

ขอบคุณรูปภาพจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พฤกษา เรียลเอสเตท มองว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะเติบโตได้ถึง 10% จากแรงกระตุ้นของการลงทุนภาครัฐที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว

ในปีนี้ พฤกษามีคิวเปิดโครงการใหม่รวมกัน 70-75 โครงการ มูลค่ารวม 5.5-6.1 หมื่นล้านบาท 70% คงเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่มีจุดแข็งในเรื่องของ Business Cycle Time สามารถบริหารได้ต่ำกว่า 90 วัน ตั้งแต่เริ่มจองจนถึงโอนบ้าน จะทำให้โครงการแนวราบเป็นแหล่งรับรู้รายได้หลักของพฤกษา ขณะที่คอนโดมิเนียมมีอยู่ในพอร์ตการลงทุนใหม่ประมาณ 30%

บริษัท พฤกษา ได้ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปี 2557 ที่คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท ประมาณ -20% โดยแบ่งเป็นเป้ายอดขายทาวน์เฮาส์ 2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 43% บ้านเดี่ยว 1.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 25% คอนโดมิเนียม 1.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 31% และเป็นเป้ารายได้จากการขายในต่างประเทศอีก 400 ล้านบาท หรือ 1%

จะสังเกตได้ว่า เป้าหมายยอดขายของพฤกษาที่ตั้งไว้ค่อนข้างสูง หรือมีการเติบโตถึง 20% ขณะที่ตลาดรวมน่าจะโตได้ 5-10% ตามที่ผู้บริหารพฤกษาคาดการณ์ไว้ เท่ากับว่า การเติบโตของยอดพรีเซลที่ตั้งไว้สูงกว่าตลาดอีกเท่าตัว ซึ่ง ทองมา อธิบายว่า เป็นการตั้งเป้าตามศักยภาพที่บริษัทสามารถจะทำได้ตามสถิติที่บ่งชี้ไว้

ขณะเดียวกัน ยังมั่นใจว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นตลาดในกลุ่มเรียลดีมานด์ที่จะเติบโตขึ้นตามเศรษฐกิจ เพราะถือเป็นปัจจัยสี่ที่ทุกคนต้องมี ซึ่งโดยภาพรวมแล้วธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 จะอย่างไรก็ต้องเติบโตมากกว่าปี 2558 อย่างแน่นอน

โจทย์สำคัญของพฤกษา คือ การสร้างการยอมรับของผู้บริโภคในด้านคุณภาพและบริการ เนื่องจากกระบวนการผลิตของพฤกษาที่ใช้ระบบสำเร็จรูป และเป็นการผลิตแบบกึ่งอุตสาหกรรม ประกอบกับการขยายตลาดด้วยจำนวนยูนิตที่มหาศาล โอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดในการก่อสร้างจึงมีสูงตามไปด้วย

ในส่วนของ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หากมองผิวเผินในส่วนของแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ อาจจะไม่ได้หวือหวามากนัก โดยหลักๆ จะยังเน้นที่โครงการบ้านเดี่ยวที่มีสัดส่วนมากสุดที่ 65% ขณะที่คอนโดมิเนียมมีสัดส่วน 30% และ ทาวน์เฮาส์ 5% รวมถึงเป้าหมายยอดขายที่ตั้งเป้าเติบโตไว้เพียง 8% แต่สิ่งที่น่าจับตามอง คือ ดูเหมือนปีนี้แลนด์ฯ จะมองโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในต่างประเทศและในต่างจังหวัด ซึ่งอาจจะสวนทางจากผู้ประกอบการรายอื่น โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาว

หากวิเคราะห์การขยายพอร์ตการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่มีรายได้ระยะยาวมากขึ้นทั้งโรงแรมและค้าปลีก เป็นเพราะธุรกิจประเภทนี้ในระยะยาว สามารถที่จะนำไปจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งบริษัทก็จะได้เงินก้อนคืนกลับมา และยังมีรายได้จากการบริหารโครงการเหล่านั้นอยู่

นอกจากนี้ ปีนี้ยังเป็นปีที่กลุ่มแลนด์ฯ ตั้งงบในการซื้อที่ดินสูงถึง 8,000 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่วางไว้เพียง 5,000 ล้านบาท โดย อดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปีที่ผ่านโพสต์ทูเดย์มายังไม่สามารถซื้อที่ดินได้ตามเป้าหมาย เพราะหลายปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวย

ด้าน แสนสิริ ที่ในปีที่ผ่านมาเจอกับหลากวิกฤต โดยเฉพาะประเด็นทางการเงิน และปัญหาการยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ทำให้ไม่สามารถเปิดโครงการใหม่ได้ตามเป้าหมาย แต่ในปีนี้ค่ายแสนสิริ เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ถูกจับตามองในแง่การเปิดตัวโครงการใหม่ ยอดขาย และรายได้จะไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ เพราะโครงการคอนโดมิเนียมต่างจังหวัดที่แสนสิริบุกหนักเมื่อหลายปีก่อน เริ่มทยอยก่อสร้างเสร็จจะโอนได้ตามเป้าหรือไม่ และจะฝ่าวิกฤตกำลังซื้อต่างจังหวัดหดตัวได้อย่างไร

นอกจากนี้ การเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ของบริษัทแสนสิริที่จะเปิดคอนโดมิเนียมอีก 9-10 โครงการ และโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์อีก โพสต์ทูเดย์7-9 โครงการ ก็ถูกจับตามองเช่นกัน โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนครั้งแรกกับกลุ่มบีทีเอส และโครงการคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ย่านวิทยุ ที่มีกระแสข่าวว่าจะเปิดตัวในปีนี้จะเป็น โครงการไฮไลต์ที่จะทำให้แสนสิริกลับมาเป็นผู้เล่นอันดับต้นๆ ในตลาดได้อีกครั้งหรือไม่

ทั้งหมดคือ ทิศทางการลงทุนของ 3 รายใหญ่ที่ต้องจับตา

ขอบคุณข้อมูลจาก : posttoday.com

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มเติมได้ที่ : www.TerraBKK.com

Facebook : TerraBKK Facebook

Google+ : TerraBKK Google+

Twitter : TerraBKK Twitter