ทีดีอาร์ไอ คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้ฟื้นตัวยาก เหตุส่งออก-การบริโภคในประเทศยังไม่ดีขึ้น ส่วนธนาคารโลก คาดการณ์ จีดีพีเศรษฐกิจไทยปีนี้ โตร้อยละ 3.5 กลุ่มธนาคารโลกและสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ จัดรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก 2015 นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนายั่งยืน ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2558 ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน เพราะปัจจัยในประเทศยังกดดัน แม้ว่าราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมามาก แต่มีผลต่อการบริโภคในประเทศน้อย เนื่องจากไทยยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะผลกระทบจากโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีข้างหน้า ประกอบกับหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลสูง และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ จึงทำให้ภาคหลักของไทย คือเกษตรกรยังไม่มีกำลังซื้อและมีปัญหาในการชำระหนี้

ขณะที่รัฐบาลยังไม่กล้าออกมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากนัก เพราะกังวลต่อปัญหาหนี้สาธารณะที่อาจจะสูงขึ้น ทำใด้เพียงกระตุ้นการลงทุนในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งหวังว่าโครงการเหล่านี้จะเป็นไปตามแผน แต่จะมีผลต่อเศรษฐกิจในอีก 2-3 ปีข้างหน้ามากกว่า ดังนั้นเศรษฐกิจในปีนี้ยังคาดหวังได้ยาก ประกอบกับการส่งออกของไทยที่เคยเป็นตัวขับเคลื่อนหลักลดลง มีปัญหาด้านขีดความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากผลิตสินค้าที่ล้าสมัยไม่เป็นที่นิยมของต่างประเทศ ทั้งนี้หากจะแก้ไขปัญหาจะต้องมีการลงทุนในเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นการลงทุนดังกล่าว ด้านนายอาญาน โคส ผู้อำนวยการกลุ่มแนวโน้มพัฒนาการเศรษฐกิจโลก กลุ่มธนาคารโลก กล่าวว่า ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก คาดการณ์ จีดีพีเศรษฐกิจไทยปี 2558 ว่าเติบโตร้อยละ 3.5 สูงกว่าปีก่อนที่เติบโตเพียง ร้อยละ 0.5 ขณะที่เศรษฐกิจโลกคาดว่าขยายตัวได้ร้อยละ 3 สูงกว่าในปีที่ผ่านมาขยายตัวได้ ร้อยละ 2.3 ขณะที่ปีนี้คาดการณ์เศรษฐกิจโลกส่วนปี 2559 ขยายตัว ร้อยละ 3.3 โดยแม้เศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น แต่มีความเสี่ยงจากแนงโน้มเศรษฐกิจที่แตกต่าง ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินแตกต่างกันมาก โดยสหรัฐอเมริกาที่มีเศรษบกิจขยายตัวดี จะปรับขึ้นดอกเบี้ย แตกต่างจาก ยุโรป และ ญี่ปุ่น ที่ยังใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หรือ QE ดอกเบี้ยต่ำ ส่วนจีน เศรษฐกิจชะลอตัวลง ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินมีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งความแตกต่างด้านเศรษฐกิจนี้ จะส่งผลให้ตลาดเงินยังมีความผันผวนจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายประเทศปรับเพิ่มสูงขึ้น และเศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัวและอาจเกิกภาวะเงินฝืด

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบเศรษฐกิจโลกที่น่าจับตามมองคือการค้าโลกที่ยังอ่อนแอ โดยเฉพาะจากประเทศผู้ค้าน้ำมัน และสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ธนาคารโลกคาดว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันยังปรับตัวลดลงต่อเนื่องในปี นี้ ซึ่ง คาดการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ย อยู่ที่ 53 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงถึงร้อยละ 40 ส่งผลดีต่อประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ซึ่งประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ควรใช้โอกาสที่น้ำมันลดลงปฏิรูป และลดการอุดหนุนราคาพลังงาน ส่งเสริมสวัสดิการสังคมต่าง ๆแทน ขณะที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ที่ถูกผลกระทบจากราคาน้ำมันลดลงทำให้เศรษฐกิจประเทศเหล่านี้แย่ลง ควรจะกระจายแหล่งรายได้ทางเศรษฐกิจทั้งในระยะกลางและ ระยะยาว จากเดิมที่เคยพึ่งพารายได้จากน้ำมันมากเกินไป

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าวไทย

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มเติมได้ที่ : www.TerraBKK.com

Facebook : TerraBKK Facebook

Google+ : TerraBKK Google+

Twitter : TerraBKK Twitter