นายกรัฐมนตรีเยือนญี่ปุ่น 9 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อหารือสร้างรถไฟเชื่อม 3 ประเทศระหว่างกัมพูชา-ไทย-เมียนมาร์ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเปิดประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าและเศรษฐกิจไทย- ญี่ปุ่น ครั้งที่ 23 ว่า วันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น เพื่อหารือการสร้างรถไฟเชื่อม 3 ประเทศระหว่างกัมพูชา ไทย และเมียนมาร์ โดยจะเป็นการสร้างด้วยขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร ส่วนรูปแบบการลงทุนยังไม่ได้ข้อสรุป

นอกจากนี้ ในการประชุมระดับเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมาระหว่างไทย เมียนมาร์ และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ไทยและเมียนมาร์ตกลงจะเชิญให้รัฐบาลญี่ปุ่นเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนที่ 3 ในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทวายในเมียนมาร์ รวมถึงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกด้วย ซึ่งเชื่อว่าญี่ปุ่นจะตอบรับคำเชิญ โดยอยู่ในชั้นการหารือระดับเจ้าหน้าที่เท่านั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า แนวโน้มเศรฐษกิจไทยปรับตัวดีขึ้นและเชื่อมั่นว่าจะขยายตัวร้อยละ 4 ส่วนกรณีธนาคารกลางรัสเซียปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 3 นั้น จะไม่ส่งผลกระทบกับไทย รวมถึงภาคการท่องเที่ยว เพราะภาพรวมนักท่องเที่ยวยังน่าพอใจ โดยมีตัวเลขระดับ 2.8 ล้านคนจนถึงปัจจุบัน รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าพอใจการดูแลค่าเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในช่วงที่ผ่านมาสามารถดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนได้เป็นอย่างดี ดูได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นถึง 100 จุด แต่อัตราแลกเปลี่ยนไทยยังนิ่ง ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการส่งออกไทยปีนี้ ทำให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 4 แต่ผู้ส่งออกจะต้องทำงานหนักขึ้น เพราะผู้ซื้อมีความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่สยามพารากอนเมื่อค่ำวานนี้ (1 ก.พ.) เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาพรวมความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม สาเหตุต้องรอผลการสอบสวนของเข้าหน้าที่ก่อน รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเปิดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าและเศรษฐกิจ ไทย- ญี่ปุ่น ครั้งที่ 23 เป็นเวทีระหว่างภาคเอกชนของทั้ง 2 ประเทศ โดยมีนักธุรกิจระดับสูงจากประเทศญี่ปุ่นกว่า 60 ราย และนักธุรกิจไทยกว่า 100 ราย ว่า อุตสาหกรกรมไทยพัฒนามากว่า 50 ปี และขอบคุณความสามารถของญี่ปุ่นที่ช่วยไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ปี 2558 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ปรับเกณฑ์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยเน้นส่งเสริมโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงานและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ไทย-ญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน โดยในปีที่ผ่านมา มีการค้าระหว่างกันรวม 57,531 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออก ไปญี่ปุ่น 21,820 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ไทยนำเข้าจากญี่ปุ่น มูลค่า 35,710 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ ด้านการลงทุนประเทศ ญี่ปุ่น ยังคงเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยสูงสุดในปี 2557 โดยขอรับการลงทุนจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ จำนวน 672 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 293,334 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54 ของมูลค่าลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ขณะนี้ ภาคเอกชน 3 สถาบันต่างได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิก สนช. ของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ที่ภาคเอกชา เข้าไปมีบทบาทในการผลักดันกฏหมายต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง ส่วนการที่ธนาคารกลางรัสเชียปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 3 นั้นไม่น่าจะมีผลกระทบต่อไทยในส่วนของการค้ามากนัก เพราะไทยมีการค้ากับรัสเชียไม่มาก แต่การที่เศรษฐกิจรัสเชียชะลอจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวได้ ส่วนเหตุการณ์ระเบิดหน้าห้างสยามพารากอนช่วงค่ำที่ผ่านมา สาเหตุต้องรอผลสรุปจากเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและติดตามสถานการณ์ต่อจากนี้อีกครั้งว่าจะเป็นไปในทิศทางใด

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าวไทย

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มเติมได้ที่ : www.TerraBKK.com

Facebook : TerraBKK Facebook

Google+ : TerraBKK Google+

Twitter : TerraBKK Twitter