“กรมเชื้อเพลิง”เลื่อนยื่นซองสัมปทานปิโตรเลียม นางพวงทิพย์ ศิลปศาสตร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) เปิดเผยว่า เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาลและสอดคล้องกับการปฏิรูปด้านพลังงาน และการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 20 ก.พ.นี้ กระทรวงพลังงานจึงประกาศขยายกำหนดเวลาการยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงบนบกและในทะเลอ่าวไทยรวม 29 แปลง จากภายในวันที่ 18 ก.พ. เป็นสิ้นสุด 16 มี.ค. โดยเงื่อนไขการยื่นประมูลสัมปทานที่เชิญชวนเอกชนไปก่อนหน้านี้ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ได้เอารายละเอียดลงเว็บไซต์แล้ว การประกาศเงื่อนไขต่างๆยังเหมือนเดิม โดยเฉพาะการที่รัฐบาลจะขอสิทธิ์เจรจาในพื้นที่ 3 แปลงในทะเลจาก 29 แปลง คือแปลง G3/57 G5/57 และ G6/57 ที่จะเป็นระบบแบ่งปันผลผลิตหรือ PSC เป็นต้น ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเกรงว่านักลงทุนอาจเกิดความสับสน ได้ชี้แจงว่าเป็นเพียงการเลื่อนเวลาการยื่นซองประมูลเท่านั้น ล่าสุดก็มีนักลงทุนมายื่นแล้ว 1 ราย ทั้งนี้ หากเวทีการชี้แจงในวันที่ 20 ก.พ.นี้ ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ก็ต้องรอให้รัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากที่ผ่านมา ก็มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นไปแล้วและที่สำคัญข้อมูลที่เป็นคำถามที่คาใจของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดสัมปทาน กระทรวงพลังงานและ ชธ.มีตอบคำถามทั้งด้วยวาจาและหนังสือไปยังทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทำให้มั่นใจว่าตอบคำถามวันที่ 20 ก.พ. ได้ทั้งหมด นางพวงทิพย์กล่าวต่อว่า หากไม่มีข้อสรุปและอาจต้องยุติการดำเนินการสำรวจปิโตรเลียมรอบนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ก็จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงพลังงานของประเทศไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้ว (Proved Reserve) หรือพี 1 ที่ ชธ.มีความมั่นใจ 90% ว่าจะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ได้ประมาณ 8.42 ล้านลูกบาศก์ฟุต หากไม่มีการลงทุนและสำรวจเพิ่มเติม เมื่อหารด้วยอัตราการผลิตปัจจุบันที่ระดับ 1.31 ล้าน ลบ.ฟุต จะทำให้ประเทศไทยมีก๊าซธรรมชาติใช้ได้อีกประมาณ 7 ปี หลังจากนั้นวิกฤตการณ์การขาดแคลนพลังงานก็จะเริ่มเกิดขึ้นทันที เพราะประเทศไทยพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติมากที่สุด.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์