ส.อ.ท.เตรียมปรับเป้ายอดผลิตรถยนต์ปี 2558 ปลายเดือนนี้ รอประเมินยอดขายในประเทศ ขณะประเมินส่งออกได้ 1.2 ล้านคัน ด้านสศอ.คาดยอดผลิต 2.1 ล้านคัน ประเมินอีโคคาร์เครื่องยนต์ดีเซลมาแรง แม้ราคาขยับขึ้น แต่ประหยัดน้ำมัน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กล่าวว่าวันที่ 24 ก.พ. นี้ ส.อ.ท. จะประกาศเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในปี 2558 โดยเบื้องต้นเป้าหมายการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก คาดว่าจะมีปริมาณ 1.2 ล้านคัน เพิ่มจากปี 2557 ที่ส่งออก 1.12 ล้านคัน ส่วนยอดผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศ ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากบริษัทต่างๆ คาดว่า อยู่ระหว่าง 900,000 - 950,000 คัน เพิ่มจาก 757,853 คันในปี 2557 หากได้ข้อมูลจากทุกบริษัทฯ จะสามารถตั้งเป้าหมายในส่วนของจำหน่ายในประเทศ และในภาพรวมได้
“ปลายปีที่ผ่านมาส.อ.ท. ตั้งเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไว้ที่ 2.2 ล้านคัน เป็นแบ่งส่งออก 1.2 ล้านคัน และในประเทศ 1 ล้านคัน แต่ตอนนี้ต้องมาดูตัวเลขของในประเทศใหม่ว่า จะมีเป้าหมายเท่าไร จึงจะประเมินในภาพรวมได้ โดยจะติดตามปัจจัยสำคัญ เช่น มูลค่าการลงทุนของภาครัฐเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ การเพิ่มรายได้เกษตรกร ส่วนภาคการส่งออก ยังต้องติดตามปัจจัยจากค่าเงินบาทไทย ค่าเงินเยน ของญี่ปุ่น ค่าเงินรูเบิลของรัสเซีย รวมทั้งสถานการณ์การสู้รบในตะวันออกกลาง และการระบาดของโรคอีโบล่า โดยสัดส่วนการส่งออกตลาดหลัก ยังเป็นตลาดตะวันออกกลางประมาณ 25% เอเชีย 24% ออสเตรเลีย 20-21% อเมริกากลาง-ใต้ 12% แอฟริกา 4% อเมริกาเหนือ 3.5%” นายสุรพงษ์ กล่าว สำหรับแนวโน้มการผลิตรถยนต์อีโคคาร์ เฟส 2 จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซลมากกว่ากันนั้น ต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเป็นหลัก หากราคาน้ำมันดีเซลยังต่ำต่อเนื่อง อาจได้เห็นผู้ผลิตผลิตรถยนต์อีโคคาร์เครื่องยนต์ดีเซลเพิ่มขึ้น แต่ราคารถก็จะมีราคาสูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน ด้าน นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา 1 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ในปี 2558 รถยนต์อีโคคาร์จะเข้ามามีบทบาทต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เพราะใช้น้ำมันเฉลี่ยเพียง 3.8 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร ในขณะที่เครื่องยนต์เบนซินใช้น้ำมันเฉลี่ยที่ 4.3 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ซึ่งจะส่งผลให้ยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและยอดส่งออกเติบโตกว่าปี 2557 ทั้งนี้ สศอ.ประเมินภาพรวมการผลิตรถยนต์ปีนี้จะขยายตัวถึง 2.1 ล้านคัน ซึ่งต่ำกว่าที่ภาคเอกชนประเมินไว้เล็กน้อยที่ 2.2 ล้านคัน อย่างไรก็ตามจะต้องติดตามเป้าการผลิตของภาคเอกชนอีกครั้ง “เท่าที่ประเมินตอนนี้ดูเหมือนว่าภาคเอกชนสนใจผลิตอีโคคาร์เครื่องยนต์ดีเซล แม้ราคาจะอยู่ที่ 6.75-7.9 แสนบาท ซึ่งแพงกว่าเครื่องยนต์เบนซินที่มีราคา 4-5 แสนบาท แต่อัตราการประหยัดพลังงานมาก แต่ก็ต้องติดตามเรื่องราคาพลังงานประกอบด้วย แต่คาดว่าดีเซลน่าจะมาแรง” นายณัฐพล กล่าว ขอบคุณข้อมูลจาก BANGKOKBIZNEWS