รมว.พาณิชย์-ท่องเที่ยวจับมือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยบุกอินเดียขยายตลาดการค้าการลงทุน-ท่องเที่ยวเพิ่ม นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เดินทางพร้อมด้วยภาคเอกชนทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เยือนประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 24—27 กุมภาพันธ์นี้ โดยจะมีการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมของอินเดีย รวมทั้งกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวไทย และจะพบปะกับประธานหอการค้าเมืองสุราต รัฐคุชราต และผู้นำภาคเอกชนอินเดีย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะในการทำการค้าระหว่างไทยและอินเดีย จากภาคเอกชนอินเดียโดยตรง
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอ็มโอยู เพื่อร่วมมือและซื้อขายสินค้าระหว่างเอกชนไทยและอินเดีย 6 ราย เช่น หอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี กับหอการค้าเมืองสุราต รัฐคุชราต และยังมีกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ เพื่อสนับสนุนให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายร้อยละ 4 ตามยุทธศาสตร์การส่งออกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 4 ตลาด โดยตลาดอินเดียเป็น 1 ใน 4 ตลาดที่มีระดับการพัฒนาการทางเศรษฐกิจปานกลาง ทั้งนี้ อินเดียกับไทยได้ทำความตกลงการค้าเสรีไทย-อินเดียไปแล้ว ซึ่งความตกลงนี้จะทำให้มูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและอินเดียเพิ่มสูงขึ้นถึง 13,200 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าที่มีโอกาส ได้แก่ ผลไม้ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋อง เครื่องปรับอากาศ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบรถยนต์ เป็นต้น

นายกฯอินเดียตั้งเป้าผลิตยุทโธปกรณ์ในประเทศให้ได้ร้อยละ 70 นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียประกาศจะยุติการเป็นประเทศผู้นำเข้ายุทโธปกรณ์อันดับหนึ่งของโลกด้วยการตั้งเป้าผลิตในประเทศให้ได้ร้อยละ 70 ภายในสิ้นคริสต์ทศวรรษนี้

ทั้งนี้ ไทย-อินเดียยังมีความสัมพันธ์ระดับภูมิภาคผ่านความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าระหว่างอาเซียนและอินเดีย โดยปี 2552 มีการลงนามในความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าเพื่อลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน ส่งผลให้มูลค่าการค้าของทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 11,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2546 เป็น เป็น 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2556 นอกจากนี้ สมาชิกอาเซียนและอินเดียได้ลงนามในความตกลงด้านการค้าบริการ คาดว่าจะมีผลใช้บังคับปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ซึ่งภายใต้ความตกลงนี้ไทยเปิดเสรีการค้าบริการให้อินเดียมากกว่าที่เปิดให้ในปัจจุบันในบริการธุรกิจด้านแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล บริการด้านการแปล บริการด้านการวิจัยและพัฒนา บริการด้านการจัดงานประชุม บริการโรงพยาบาล บริการด้านการกีฬา และบริการด้านสวนสนุก เป็นต้น ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของไทยในกลุ่มเอเชียใต้ โดยไทย-อินเดียร่วมลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรีไทย-อินเดีย ส่งผลให้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามูลค่าการค้าระหว่างไทย-อินเดียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 1,508 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2546 เป็น 8,654.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2557 โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 2,575.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่อง เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ ยางพารา เป็นต้น .

หมายเหตุ : ภาพประกอบบทความ บางภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาแต่อย่างใด Photo credit by :topicstock.pantip.com

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าวไทย