ธปท.ยืนยันดอกเบี้ยปัจจุบันยังผ่อนปรน-หนุนเศรษฐกิจ
แบงก์ชาติยันดอกเบี้ยไทยปัจจุบันยังผ่อนปรน เผยจะลดหรือไม่นั้นต้องให้กนง.ประเมินเศรษฐกิจในระยะต่อไป ชี้หากตรึงนานเกินไปอาจไม่สมดุล
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน รองผู้ว่าการด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นโยบายการเงินของประเทศไทยในปัจจุบันยังคงผ่อนปรน อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ สภาพคล่องมีอย่างเพียงพอที่จะสนับสนุนความต้องการในระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่นั้น ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต้องมีการประเมินการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป รวมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุน และเสถียรภาพด้านการเงิน อย่างไรก็ตาม มองว่าการรักษานโยบายการเงินที่ผ่อนปรนเป็นเวลานานเกินไป อาจก่อให้เกิดความไม่สมดุลและสร้างให้เกิดแรงจูงใจในการเก็งกำไรมากขึ้นได้
พร้อมกับยืนยันว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันมีความเหมาะสมที่จะสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2558 ซึ่งจะทำให้เติบโตอย่างมีศักยภาพในระดับร้อยละ4 และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยนโยบายต้องมีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจภายในประเทศเราเอง หากต้องการจะให้ลดอัตราดอกเบี้ย ก็ต้องประเมินว่าเมื่อลดแล้วจะช่วยให้เกิดการกู้ยืมเพื่อการบริโภคและการลงทุนมากน้อยเพียงใด แต่หากมีการบริโภคและลงทุนมากอยู่แล้วก็ไม่ควรลดดอกเบี้ยให้ต่ำลงไปอีก ซึ่งต้องมองทั้งสองด้านเพื่อให้เกิดความสมดุล
สำหรับสถานการณ์ในต่างประเทศที่ต้องจับตามองในขณะนี้ คือสถานการณ์ในกรีซที่กำลังเตรียมขอขยายข้อตกลงเงินกู้กับยูโรโซนต่ออีก 6 เดือน ซึ่งอาจจะเป็นตัวแปรที่สร้างความผันผวนในตลาดการเงินโลกบ้าง แต่ในภาพรวมของเงินทุนเคลื่อนย้ายที่เข้าออกในประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบ จากที่ผ่านมาพบว่าไม่ได้มีการเก็งกำไรที่ทำให้เกิดสถานการณ์ผันผวนผิดปกติ อีกทั้ง ธปท.มีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดจึงทำให้เกิดเสถียรภาพ นอกจากนี้ เศรษฐกิจของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน นโยบายการเงินจึงมีความแตกต่างกันอาจก่อให้เกิดความผันผวนได้
ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของยุโรปในระยะต่อไปจะมีความผ่อนคลายต่อเนื่อง ในส่วนของประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างดีอย่างสหรัฐอเมริกาและอังกฤษจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้นและการว่างงานลดลง
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าวไทย
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.