พาณิชย์ ลดเป้าเงินเฟ้อปี 58 ใหม่ เหลือร้อยละ 0.6-1.3 แต่มั่นใจไทยไม่น่าจะเกิดภาวะเงินฝืด เเม้อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเเบบค่อยเป็นค่อยไป เชื่อโอกาสราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น แต่ทั้งปีน่าจะไม่เกิน 60 เหรียญต่อบาร์เรล นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ระบุถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ เดือนกุมภาพันธ์ 2558 เท่ากับ 106.15 เทียบกับเดือนมกราคมปี 2558 สูงขึ้นร้อยละ 0.12 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนพบว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงร้อยละ 0.52 จากราคาพลังงาน อาทิ แก๊สโซฮอล์91 95 E20 น้ำมันดีเซล ค่าโดยสารสาธารณะ รวมทั้งอาหารสด ผลไม้บางส่วนปรับตัวลดลงต่อเนื่อง รวมถึงสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงพาณิชย์ ยังคงติดตามสถานการณ์เงินเฟ้อโดยรวมของประเทศในปี 58 อย่างใกล้ชิด โดยได้มีการปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อในปี 2558 ใหม่ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.8-2.5 โดยปรับลดเหลือ ร้อยละ 0.6-1.3 โดยมีสมมุติฐานมาจากสถานกาณณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 50-60 เหรียญต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยอยู่ที่ 32-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3-4 แม้ว่าการปรับประมาณการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 58 ใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นการปรับตามสถานการณ์ที่แท้จริง โดยจะเป็นอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ถือว่าไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด และคิดว่า ประเทศไทยจะไม่เข้าสู่สถานการณ์ภาวะเงินฝืด ตามอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง แต่คงต้องทีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่มีภาวะเงินฟืดตามมาด้วยเหตุผล ถานการณ์ราคาน้ำมันเริ่มมีสัญญาณปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่กลุ่มประเทศที่มีความต้องการใช้น้ำมันในช่วงฤดูหนาวมีมาก และอาจทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อีกเหตุผลที่เชื่อว่าจะไม่เกิดภาวะเงินฟืดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากยังมีโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และประชาชนเริ่มหันมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น แต่จะเป็นการใช้สอยอย่างระมัดระวัง และคาดว่าไตรมาสแรกคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อจะติดลบอยู่ที่ร้อยละ0. 4 โดยมาจากปัจจัยเรื่องสถานการณ์ราคาน้ำมันต่ำลง การปรับลดค่าเอฟที และมาตรการของภาครัฐในการกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจ แต่ในช่วงของสถานการณ์ไตรมาส 2 ไปจนถึงไตรมาส 4 ทางกระทรวงพาณิชย์คงยังไม่สามารถที่จะประเมินอัตราเงินเฟ้อได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ยังคงต้องติดตาม ทั้งราคาน้ำมัน การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเป็นต้น.

หมายเหตุ : ภาพประกอบบทความ บางภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาแต่อย่างใด Photo credit by : aecthailandforshared.blogspot.com

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าวไทย