“คมนาคม”จับมือท่องเที่ยว วางแผนพัฒนาท่าเรือรับเรือสำราญ รับนักท่องเที่ยวระดับไฮคลาส เน้นเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัย “ประจิน”ดันศึกษา เปิดเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน สตูล ภูเก็ต และตอนบนระนอง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังรับมอบเสื้อชูชีพจากนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตามโครงการยุทธศาสตร์ยกระดับความปลอดภัยทางน้ำ “ชูชีพเก่าแลกใหม่ ...ปลอดภัยได้มาตรฐาน”ซึ่งจะส่งทยอยมอบทั้งโครงการรวม 2,500 ตัววันนี้ (3 มี.ค.) ว่า เสื้อชูชีพเป็นอุปกรณ์สำคัญในการเดินทางและท่องเที่ยวทางน้ำ ซึ่งกระทรวงคมนาคมพร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกของท่าเรือในแม่น้ำและทะเล เพื่อให้เกิดมาตรฐานปลอดภัยและบริการที่ดี โดยขณะนี้มีการวางแผนการปรับปรุงหรือขยายท่าเรือในจุดใดบ้าง ในการรองรับเรือท่องเที่ยวขนาดต่างๆ และศึกษาเพื่อเปิดเดินเรือท่องเที่ยวในเส้นทางฝั่ง อันดามัน สตูล ภูเก็ต และตอนบนระนอง ในรูปแบบของเอกชนที่จะเข้ามาร่วมลงทุนเดินเรือ ว่าจะเปิดให้รายใหม่หรือให้เอกชนรายเดิมที่เดินเรือจากสิงคโปร์และมาเลเซีย คาดว่าจะสรุปในปี 2558 ส่วนในแม่น้ำนั้น ได้ร่วมกับภาคเอกชนปรับปรุงท่าเทียบเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งจะทยอยแล้วเสร็จในปี2558-2559 และเรือท่องเที่ยวจะใช้เส้นทาง ทั้งหมด ปี 58-59 จะเห็นรูปธรรม
“ในปีนี้ กระทรวงคมนาคมจะร่วมกับกระทรวงท่องเที่ยวและกระทรวงมหาดไทย จัดนิทรรศการแสดง เรือยอร์ช 2 ครั้ง ที่พัทยา และที่ภูเก็ตช่วงปลายปี เพื่อให้เห็นว่า ไทยมีความพร้อมรองรับเรือ ขนาดใหญ่และดูแลนักท่องเที่ยวรวมถึงสามารถซ่อมบำรุงเรือยอร์ช ในระดับสากล”พล.อ.อ.ประจินกล่าว ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทยประมาณ 60-70 % จะเดินทางไปเที่ยวทะเล กระทรวงการท่องเที่ยวจึงต้องการมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัย เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น โดยจะมีการเพิ่มกิจกรรม เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยนานขึ้นจากเดิมที่แวะแค่ 1 วันแล้วไป ซึ่งท่องเที่ยวทางทะเลโดยเรือครูซ หรือเรือสำราญชนาดใหญ่ หรือในระดับซุปเปอร์ยอร์ซ หรือครูซ เรือสำราญขนาดใหญ่ ตลาดโลกขยายตัวตลอดเวลา และมีความต้องการขอเรือยอร์ช ส่วนใหญ่แวะประเทศไทย เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามแต่ติดปัญหาเรื่องท่าเรือรองรับเรือยอร์ชหรือครูซ ยังมีไม่เพียงพอ และต้องมีความสะดวกสบาย ทันสมัยอีกด้วย นอกจากนี้ประเทศอาเซียน ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ต้องการเชื่อมเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวร่วมดัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้เวลากับการท่องเที่ยวในอาเซียนนานมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้นโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการผลักดันเรื่องตลาดน้ำ ให้เกิดกิจกรรมต่อเนื่องและกระจายไปทั่วประเทศ โดยจะโปรโมท ตลาดข้าว ตลาดชุมชนทั่วประเทศ โดยนำโมเดลที่เกิดขึ้นแบบตลาดน้ำรวมกับตลาดบกไปใช้ มีเป้าหมายเพื่อกระจายรายได้และ ให้ให้ชาวบ้านสามารถขายผลผลิตได้มากขึ้น รวมถึงเป็นจุดท่องเที่ยวไปด้วย ขอขอบคุณข้อมูลจาก: astvmanager