“กอบศักดิ์ ภูตระกูล” มองอัตรา ดบ.นโยบายปัจจุบันที่ระดับ 2% ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ แม้จะลด ดบ. ก็ไม่ช่วยกระตุ้น ศก.ได้ เพราะไทยมีครัวเรือนในระดับสูง และรายได้เกษตรกรตกต่ำ ขณะที่ภาคเอกชนก็ยังไม่ลงทุน เนื่องจากต้องการรอดูความชัดเจนของโครงการภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันยังล่าช้า และยังไม่มีการก่อสร้างจริง พร้อมระบุต้นเหตุบาทแข็งเกิดจากราคาน้ำมันโลกดิ่ง 50% ส่งผลให้มีเงินสำรองในระบบมาก ส่วนเงินเฟ้อไม่น่ากังวล แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ เงินฝืด

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2 ในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น การลดดอกเบี้ยไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้บริโภคยังปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับสูงทำให้ขาดกำลังซื้อ ประกอบกับรายได้เกษตรกรตกต่ำ ทำให้รายได้ของภาคเกษตรกร และประชาชนหายไป

ขณะเดียวกัน แม้ดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำ ภาคเอกชนก็ยังไม่ลงทุนเนื่องจากต้องการรอดูความชัดเจนของโครงการภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันยังล่าช้า และยังไม่มีการก่อสร้างจริง

นอกจากนี้ การลดดอกเบี้ยไม่ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่า เพราะการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในขณะนี้มาจากการที่มูลค่าการนำเข้าน้ำมันลดลง จากเดิมที่เคยนำเข้า 1 ล้านล้านบาทต่อปี เหลือเพียง 500,000 ล้านบาทต่อปี หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลงมากถึงร้อยละ 50 ส่งผลให้มีเงินสำรองในระบบค่อนข้างมาก กดดันบาทแข็งค่า ดังนั้น การลดดอกเบี้ยจึงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

นายกอบศักดิ์ ยังกล่าวถึงอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบ โดยมองว่า เกิดจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลง ซึ่งไม่น่ากังวล เพราะเมื่อราคาน้ำมันขึ้น เงินเฟ้อจะขยับขึ้นตาม แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ ปัญหาเงินฝืดที่จะเป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ตอนนี้เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืดเนื่องจากเศรษฐกิจยังขับเคลื่อนไปได้ รอเพียงการเดินหน้าการลงทุนภาครัฐ การเร่งรัฐการเบิกจ่าย และการแก้กฎระเบียบเพื่อเสริมสร้างการลงทุน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: ผู้จัดการ