ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะตลาดหุ้นไทยวันที่ 10 มี.ค.ว่า มีแรงเทขายออกมาอย่างหนักในช่วงท้ายตลาดกดดัชนีปรับตัวลงรุนแรงถึง 28.67 จุด โดยดัชนีมาปิดที่ 1,531.04 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 46,254.11 ล้านบาท โดยนักลงทุนกลับมากังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด หลังตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยังมีประเด็นที่กรีซจะเสนอแผนปฏิรูปเศรษฐกิจให้ธนาคารกลางยุโรปพิจารณารายละเอียดของแผนวันที่ 11 มี.ค.นี้ ซึ่งทางกลุ่มเจ้าหนี้อาจยังไม่ยอมรับ ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าและตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง ส่วนปัจจัยในประเทศมองว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) 11 มี.ค. อาจคงอัตรา ดอกเบี้ยไว้ที่เดิม 2.0% ซึ่งไม่เป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น
ผู้บริหารระดับสูงในวงการหลักทรัพย์ให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยเปราะบางหลังราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ และหาเหตุข้ออ้างในการเทขายหุ้น โดยนำปัจจัยลบต่างๆเข้ามาเป็นประเด็นกดดัน ทำให้มีการเทขายหุ้นกดดัชนีและเกิดการเฮละโลตื่นตระหนกเทขายหุ้นตามกันในช่วงท้ายตลาด ส่วนที่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นนั้น หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยกลางปีนี้จริง ก็ถือว่าตลาดรับรู้และอยู่ในการคาดการณ์อยู่แล้ว นักลงทุนตื่นตระหนกเกินเหตุ หรือ Over React เกินไป ราคาหุ้นที่ปรับลงแรงถือเป็นโอกาสในการเลือกหุ้นพื้นฐานดีราคาถูก นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ช่วงบ่ายดัชนีปรับตัวลงแรง ทั้งที่โดยพื้นฐานแล้วยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบ โดยปัจจัยหลักยังคงเดิมๆ คือกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ส่วนเม็ดเงินจากมาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรปไม่ใช่ปัจจัยบวกต่อหุ้นไทยในช่วงสั้น.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์