‘ฉัตรชัย’สั่งทูตพาณิชย์ทำตัวเป็นนักธุรกิจ หาช่องทางการค้าดันส่งออก
“ฉัตรชัย” สั่งทูตพาณิชย์ปรับกลยุทธ์ ทำงานแบบนักธุรกิจ หาช่องทางการค้า ขยายตลาดส่งออก ขู่เช็คผลงานทุก 6 เดือน เตรียมประเมินสถานการณ์ส่งออกอีกครั้งสิ้นมีนาคมนี้
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงาน สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าจะปรับเป้าหมายการส่งออกซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 4% หรือไม่ ขอเวลาในการประเมินสถานการณ์ให้ผ่านพ้นช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ก่อน จากนั้นจะประเมินอีกครั้ง ทั้งนี้การส่งออกยังถือว่าเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวงพาณิชย์จึงได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก ทำงานในเชิงรุก ทำตัวเองให้เป็นนักธุรกิจมากขึ้นและต้องรายงานสถานการณ์ในทุกๆ 3 เดือน รวมถึงทุก 6 เดือนทางกระทรวง จะมีการประเมินการทำงานของทูตพาณิชย์ด้วย
“เป้าหมายที่เราเคยพูดกันไว้ ตอนนี้ยังตอบได้ไม่ชัดเจนว่าจะปรับหรือไม่ ขอเวลาดูให้ผ่านพ้นช่วงไตรมาส 1 หรือสิ้นมีนาคมนี้อีกครั้ง แล้วจะไปดูว่าเราจะทำยังไงต่อ แต่จากนี้จะเน้นบทบาทของทูตพาณิชย์ในเชิงรุกมากขึ้น”
ทั้งนี้ตามยุทธศาสตร์การส่งออกได้กำหนดตลาดเอาไว้ 4 กลุ่มประเทศ ได้แก่ ประเทศเศรษฐกิจระดับสูง เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น, ประเทศเศรษฐกิจปานกลาง เช่น จีน อินเดีย ออสเตรเลีย, ประเทศเศรษฐกิจต่ำ เช่น แอฟริกา และกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งในที่ประชุมได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์แต่ละแห่งประเมินความเสี่ยง หาวิธีการรับมือกับความเสี่ยง ปรับวิธีการทำงาน ของแต่ประเทศ
รวมถึงทูตพาณิชย์ต้องปรับตนเองให้ทำงานเหมือนนักธุรกิจ ให้มีความหลากหลาย มีมิติ เช่น ต้องเข้าหาหน่วยราชการประเทศที่ประจำการ ใกล้ชิดกับเอกชนของประเทศที่รับผิดชอบ อำนวยความสะดวกการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการหาวิธีนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ทางการค้าของไทยให้นักธุรกิจต่างชาติรับรู้ ผ่านเว็บไซต์ของไทย เช่น Thaitrade.com และได้เน้นย้ำให้ทูตพาณิชย์ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส หาช่องทางการค้ามากขึ้นด้วย
“ในวิกฤติ ผมยังคิดว่ามีโอกาส เช่น ในแถบยุโรปหลายประเทศมีปัญหา แต่ก็ได้รับรายงานมาว่าฝรั่งเศสก็มีการเติบโตมากขึ้น ทูตพาณิชย์จึงต้องทำตัวเป็นเหมือนนักธุรกิจ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยผลักดันการส่งออกไทยได้”
นอกจากนี้การคัดเลือกทูตพาณิชย์ เพื่อไปประจำการในสำนักต่างประเทศ จะมีการคัดเลือกที่เข้มงวด มีขั้นตอนที่รอบคอบขึ้น โดยได้เพิ่มวิธีการคัดเลือกทูตพาณิชย์ใหม่ ตั้งคณะกรรมการพิจารณา กลั่นกรอง ทดสอบความรู้ ความสามารถของทูตพาณิชย์ เน้นพิจารณาที่ประสบการณ์ มีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ได้ทูตพาณิชย์ที่มีความสามารถ เหมาะกับตลาดประเทศนั้นๆ ให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงเป็นการลดปัญหาการใช้เส้นสายด้วย
“ทูตพาณิชย์ตอนนี้ทำงานกันดีอยู่แล้ว แต่จากนี้จะต้องดีขึ้นอีก และเหมาะสมกับตลาดให้มากขึ้น เพราะเศรษฐกิจโลกปรับเปลี่ยน มีความท้าทายตลอดเวลา จึงต้องผลักดันให้ทำงานในเชิงรุกด้วย”
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประจำกรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีก่อน เพราะราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ทำให้ประชาชนใช้จ่ายมากขึ้น อีกทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้มีการนำเข้ามากขึ้น ปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกไปยังสหรัฐ ว่าจะขยายตัว 3% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งสินค้าที่มีศักยภาพ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม และอัญมณี แต่อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการต้องทำการค้าอย่างระมัดระวัง มีวินัย รอบคอบในการติดต่อค้าขาย และต้องพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐาน เนื่องจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐ
ที่เริ่มฟื้นตัว จะทำให้หลายประเทศเข้าไปทำการค้ามากขึ้น การแข่งขันก็จะสูงขึ้นด้วย
นายไผท สุขสมหมาย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยไปในเอเชียภาพรวมยังมีทิศทางที่ดี คาดว่าปีนี้จะขยายตัว 4.5% เนื่องจากการส่งออกไปจีนยังค่อนข้างดี ขณะที่การส่งออกไปญี่ปุ่นคาดว่าจะขยายตัวได้ 2% เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงชะลอตัว แต่ทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกคูปองเงินสดให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายรวมถึงญี่ปุ่นได้ชะลอการนำเข้าสินค้าจากจีน และหันมานำเข้าสินค้าจากไทย เวียดนาม และมาเลเซียมากขึ้น โดยกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัว ได้แก่ สินค้าแฟชั่น และสินค้าสำหรับผู้สูงอายุ
ทั้งนี้สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(สคร.) ได้เร่งให้ความรู้ผู้ประกอบการในการสร้างแบรนด์ เพื่อยกระดับ สร้างการยอมรับในตลาด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนกระตุ้นการส่งออกสำหรับญี่ปุ่น และจะยกระดับนำสินค้า OTOP ไปขายในห้างสรรพสินค้า ในกรุงโตเกียว เกียวโต และ โอซากา
ส่วนเกาหลีใต้คาดจะขยายตัวได้ 5% จากปีก่อนที่ติดลบ 0.5% สาเหตุที่ทำให้การขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากไทยสามารถส่งออกน้ำตาลไปเกาหลีใต้ได้มากขึ้น ประกอบกับเกาหลีใต้เปิดตลาดให้ไทยส่งไก่สดแช่แข็งได้ เช่น ไก่ปรุงสุก อีกทั้งผลไม้สด โดยเฉพาะ มะม่วงสุก ถือว่าเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออก ซึ่งปีนี้จะผลักดันให้มีการส่งออกมังคุด และทุเรียนเพิ่มมากขึ้นด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : Naewna.com
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.