นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยถึงแผนการรุกตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2558 ว่า บริษัทจะเน้นการพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียมเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในกรุงเทพฯเป็นหลัก โดยเฉพาะในทำเลติดกับเส้นทางรถไฟฟ้าที่บริษัทเป็นผู้นำตลาดมานาน รวมถึงการทำตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติให้มากขึ้นกว่าปี 2557 ที่ผ่านมา เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2557

อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 นี้บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง "Engineer For Growth" หรือ EFG ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก คือ

  • แสวงหาโอกาส
  • ปรับกลไกภายในองค์กรให้สอดคล้องกับโอกาสในการสร้างประโยชน์สูงสุด
  • มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งบริษัทประสบความสำเร็จในปี 2557 สามารถลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มยอดโอนได้ เห็นได้จากอัตรากำไรในปี 2557 ที่เพิ่มสูงขึ้นใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ประมาณ 12% โดย ปี 2558 นี้บริษัทได้มีการวางแผนการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 21,000 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทจะเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับบน (พรีเมียม) ในทำเลติดแนวรถไฟฟ้าในทำเลย่านธุรกิจและสถานี BTS ในหลายทำเล โดยจะมีการทยอยเปิดตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 ได้แก่ คอนโดมิเนียม "The Monument สนามเป้า" ตั้งอยู่ห่างจากสถานี BTS สนามเป้า ประมาณ 300 เมตร มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม "The Line จตุจัตร-หมอชิต" มูลค่าโครงการ 5,600 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือร่วมกับ บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง วัน จำกัด

"บริษัทได้เตรียมเปิดตัว Plus Concierge ซึ่งเป็นที่สุดของบริการ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าแสนสิริและกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งบริการหลักเพิ่มเติม ภายใต้การบริหารงานของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นบริษัทลูก โดยเตรียมเปิดให้บริการใน 6 จังหวัดทั่วประเทศเร็วๆ นี้ และบริษัทยังได้เตรียมเปิดให้บริการ "ฮาบิโตะ" (Habito) คอมมูนิตี้ รีเทล หรือศูนย์การค้าชุมชนแนวคิดใหม่ ขนาด 10,000 ตารางเมตร บนพื้นที่ 4 ไร่ มีกำหนดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปลายปี 2558 นี้" นายอุทัย กล่าว

สำหรับ ภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2558 คาดว่าน่าจะเติบโตได้ประมาณ 10% จากปี 2557 และประเมินว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2558 จะมีการปรับขึ้นราคาขายประมาณ 3-4% จากปี 2557 ที่มีการปรับราคาขึ้น 6-7% ส่วนใหญ่จะยังเป็นการพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะขณะนี้กำลังซื้อในต่างจังหวัด นอกเหนือจากจังหวัดท่องเที่ยวยังไม่กลับมา เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและหนี้ครัวเรือนยังสูง แต่เชื่อว่าหลังจากรัฐบาลลงทุนเพิ่มขึ้นก็น่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง คาดว่าจะทำให้อำนาจซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 2%

โดยจากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทจึงตัดสินใจชะลอการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัด แต่เลือกถือที่ดินไว้ในมือ และรอให้กำลังซื้อกลับมาก่อน เพราะมีค่าต้นทุนที่ดินไม่สูงมากนัก อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้ตามเป้าที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทมีงานในมือหรือ backlog แล้ว 3.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่จะรับรู้รายได้ในปี 2558 ถึง 18,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของเป้ารายได้คอนโดมิเนียม จึงเหลือยอดขายและยอดโอนที่จะต้องทำให้ได้อีก 20% หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมี backlog รวมทุกประเภท 65% จากเป้ารายได้รวมในปี 2558 ที่ 34,000 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก www.naewna.com