สิงคโปร์สุดเศร้า สิ้นอดีตผู้นำ “ลี กวน ยู” อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 91 ปี ผู้สร้างชาติสิงค-โปร์จนเจริญรุ่งเรือง หลังป่วยด้วยโรคปอด บวมขั้นรุนแรง และเข้ารักษาตัวใน รพ.มากว่าเดือน โดยรัฐบาลสิงคโปร์ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศ 7 วัน แต่จะมีการเคลื่อนศพกลับไปประกอบพิธีเป็นการภายในครอบครัว 2 วัน ก่อนเคลื่อนศพมาที่รัฐสภา 25-28 มี.ค. และประกอบพิธีฌาปนกิจแบบรัฐพิธี
ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ ด้านผู้นำทั่วโลกส่งสาส์นไว้อาลัย รวมถึง “ประยุทธ์” ร่วมแสดงความเสียใจพร้อมเลื่อนเดินทางเยือนสิงคโปร์ ขณะที่ “ทักษิณ” โผล่ร่วมงานศพ หลังจากล้มป่วยอาการเข้าขั้นวิกฤติมาหลายวัน ในที่สุด นายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาผู้ก่อตั้งประเทศและรัฐบุรุษจากผลงานบริหารประเทศจากเมืองท่าขนาดเล็กและขาดแคลนทรัพยากรแทบทุกด้าน จนเจริญรุดหน้าและมั่งคั่ง ส่งผลให้สิงคโปร์กลาย เป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินโลกอย่างเต็มภาคภูมิ ได้ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบแล้วที่โรงพยาบาล “สิงคโปร์ เจเนอรัล ฮอสปิตอล” เมื่อเวลา 03.18 น. วันที่ 23 มี.ค.ตามวันเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาไทยหนึ่งชั่วโมง ขณะมีอายุ 91 ปี หลังเข้ารักษาตัวมาตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.ด้วยโรคปอดบวมขั้นรุนแรงและมีอาการทรงตัวกระทั่งทรุดหนักจนเสียชีวิตดังกล่าว ข่าวการเสียชีวิตของรัฐบุรุษของสิงคโปร์เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะ หลังนายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของนายลี กวน ยู ออกแถลงการณ์ก่อนรุ่งสางวันที่ 23 มี.ค.ถึงการอสัญกรรมอย่างสงบของบิดาและยังแถลงออกโทรทัศน์กล่าวไว้อาลัยและสดุดีนายลี กวน ยู ว่านายลีได้ต่อสู้เพื่อเอกราช ก่อร่างสร้างชาติขึ้นมาจากไม่มีอะไรและทำให้พวกเราภูมิใจที่ได้เป็นคนสิงคโปร์ พวกเรายังไม่เคยพบเห็นใครเหมือนมาก่อน หลังการแถลงข่าวการสูญเสียอดีตผู้นำสิงคโปร์ โทรทัศน์ของสิงคโปร์ได้ยกเลิกการออกอากาศรายการ ปกติทันที และนำรายการสารคดีสดุดีและไว้อาลัยนายลี กวน ยู ออกอากาศแทน ขณะเดียวกัน รัฐบาลสิงคโปร์ได้จัดขบวนรถนำร่างไร้วิญญาณของนายลี กวน ยู ไปที่ “อิสตานา” (พระราชวัง) ทำเนียบนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ที่คาดว่าจะมีคนแห่ไปร่วมไว้อาลัยหลายพันคน รวมถึงจัดพื้นที่และสมุดลงนาม ให้คนเขียนข้อความและลงนามในสมุดไว้อาลัยด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ยังประกาศให้ทั่วประเทศร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของนายลี กวน ยู เป็นเวลานาน 7 วัน แต่ระหว่างนี้ ทางครอบครัวจะเคลื่อนย้ายศพนายลี กวน ยู มาไว้ที่บ้านเป็นเวลา 2 วัน คือวันที่ 23-24 มี.ค.เพื่อจัดพิธีไว้อาลัยและเคารพศพเป็นการส่วนตัว จากนั้นจะนำศพของนายลี กวน ยู ไปไว้ที่รัฐสภาในวันที่ 25-28 มี.ค.เพื่อเป็นเกียรติ ส่วนพิธีศพจะจัดขึ้นแบบรัฐพิธีที่ “มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์” ในวันที่ 29 มี.ค. ซึ่งคาดว่าจะมีผู้นำระดับโลกจำนวนมากเข้าร่วมในพิธี ก่อนที่ร่างของรัฐบุรุษจะถูกนำไปประกอบพิธีฌาปนกิจต่อไป นอกจากนี้ ข่าวระบุด้วยว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่อดีตนายกฯลีจะล้มป่วยจนถูกนำส่งโรงพยาบาลและถึงแก่อสัญกรรม นายลี กวน ยู ได้ลดบทบาทจากงานสาธารณะและการเมืองลงแต่ยังถูกมองว่าเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากต่อรัฐบาลสิงคโปร์ภายใต้การนำของ นายลี เซียน ลุง ผู้เป็นบุตรชาย เช่นเดียวกับรัฐบาลชุดก่อนของสิงคโปร์ ด้านเหล่าผู้นำจากทั่วโลกต่างส่งสาส์นแสดงความเสียใจและร่วมไว้อาลัยต่อการจากไป รวมทั้งกล่าวสดุดีผลงานของนายลี กวน ยู อาทิ นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่แถลงรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของนายลี กวน ยู ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาระบุว่านายลี กวน ยู ถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง และจะเป็นที่จดจำของผู้คนไปอีกนาน คำแนะนำของนายลี กวน ยู ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้นำโลกอื่นๆ นำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารงานและพัฒนาประเทศ ด้วย ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน แถลงชื่นชมนายลี กวน ยู ว่าเป็นเสมือนเพื่อนเก่าของจีน การถึงแก่อสัญกรรมของนายลี กวน ยู จึงเป็นการสูญเสียอย่างมากต่อประชาคมโลก เช่นเดียวกับชาวสิงคโปร์ ที่ส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายจีน ประวัติโดยสังเขป นายลี กวน ยู เกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ย. พ.ศ.2466 เป็นลูกชายคนโต ในครอบครัวชาวจีนรุ่นที่ 3 ซึ่งบรรพบุรุษอพยพมาจากมณฑลฟูเจี้ยน จีนแผ่นดินใหญ่ เติบโตมากับวัฒนธรรมอังกฤษเพราะอยู่ในยุคที่สิงคโปร์ตกอยู่ใต้อาณานิคมของอังกฤษ และยังมีชื่อภาษาอังกฤษที่คุณปู่ตั้งให้ว่า “แฮร์รี่ ลี” ลี กวน ยู เข้ารับการศึกษาที่มหาวิทยาลัย “ราฟเฟิลส์ คอลเลจ” สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ แต่การเรียนต้องชะงัก เนื่องจากขณะนั้นญี่ปุ่นเข้ายึดครองสิงคโปร์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่หลังสงครามโลกยุติ นายลี กวน ยู ได้เดินทางไปศึกษาต่อสาขากฎหมายที่มหาวิทยาลัย “เคมบริดจ์” จนจบปริญญาตรี และได้พบรักจนถึงขั้นแต่งงานกับ น.ส.กวา ก็อค ชู นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยเดียวกัน เมื่อวันที่ 30 ก.ย. พ.ศ.2493 นายลี กวน ยู เติบโตมาจากการเป็นนักธุรกิจในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สมัยญี่ปุ่นยึดครองสิงคโปร์ รวมทั้งตั้งสำนักงานกฎหมาย “ลี แอนด์ ลี” ร่วมกับภริยา ก่อนผันตัวเข้าสู่แวดวงการเมืองใน พ.ศ.2497 ด้วยการร่วมกับเหล่าศิษย์เก่าอังกฤษ ก่อตั้งพรรคกิจประชาชนหรือ “พีเอพี” ที่ครองอำนาจทางการเมืองมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน นายลี กวน ยู เริ่มรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ พ.ศ.2502 หลังอังกฤษยอมให้สิงคโปร์ปกครองตนเอง ยกเว้นด้านนโยบายกลาโหมและต่างประเทศ ต่อมาใน พ.ศ.2506 นายลีได้นำสิงคโปร์ไปรวมกับสหพันธรัฐมลายู เพื่อตั้งเป็นสหพันธรัฐมาเลเซีย แต่การรวมตัวกันช่วงสั้นๆ ประมาณ 2 ปี เต็มไปด้วยความขัดแย้งแตกแยกจนอยู่ร่วมกันไม่ได้ นายลี กวน ยู จึงตัดสินใจแยกตัวออกมาจากมาเลเซีย และจัดตั้งสาธารณรัฐสิงคโปร์ใน พ.ศ.2508 อดีตนายกฯ คนแรกของสิงคโปร์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียาวนานถึง 31 ปี ก่อนส่งมอบตำแหน่งให้นายโก๊ะ จ๊ก ตง นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ใน พ.ศ.2533 เขาเป็นผู้นำที่มีความสำคัญและมีคุณูปการต่อสิงคโปร์อย่างสูงสุด เนื่องจากเป็นผู้สร้างประเทศสิงคโปร์จากเกาะเล็กๆที่ไร้ทรัพยากรธรรมชาติใดๆ จนทำให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการผลิตและศูนย์กลางการเงินในเอเชีย เป็นประเทศชาติร่ำรวยมั่งคั่ง ประชากรมีสวัสดิการดีเยี่ยม มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงขึ้นจากเดิมนับ 100 เท่า จนสิงคโปร์เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมประเทศพัฒนาแล้ว นอกจากเป็นผู้ก่อตั้งสิงคโปร์แล้ว นายลีกวน ยู ยังได้รับการยกย่องให้เป็น “รัฐบุรุษ” และยังคงรับตำแหน่งรัฐมนตรีและที่ปรึกษาอาวุโส ต่อมาอีกนับ 20 ปี ก่อนสละตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโสและกรรมการบริหารพรรคพีเอพีใน พ.ศ.2554 กระนั้น นายลี กวน ยู ก็ยังเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน แม้ตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศ นายลีก็ยังถูกกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน วิพากษ์วิจารณ์ถึงระบบการปกครองสิงคโปร์ ที่เป็นแบบเผด็จการ “กำปั้นเหล็ก” คู่แข่งทางการเมืองและนักการเมืองฝ่ายค้านจำนวนมากถูกจำคุกหรือกลายเป็นบุคคลล้มละลาย เพราะถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีหมิ่นประมาท จนปัจจุบัน มี ส.ส. ฝ่ายค้านหลงเหลืออยู่ในสภาเพียง 6 คน ด้านครอบครัว นายลี กวน ยู กับนางกวา ก็อค ชู มีบุตรด้วยกัน 3 คน เป็นผู้ชาย 2 คน และผู้หญิง 1 คน โดยลูกชายคนโตชื่อนายลี เซียน ลุง ได้เดินตามรอยบิดา ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 3 จนถึงปัจจุบัน ส่วนลูกชายคนที่ 2 ชื่อ ลี เซียน หยาง ปัจจุบันเป็นประธานและซีอีโอของสิงเทล บริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน และเป็นองค์กรเอกชนที่ใหญ่สุดในสิงคโปร์ โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือบริษัท เทมาเส็ก ซึ่งซีอีโอของเทมาเส็กก็คือนางโฮ ชิง ขณะที่ลูกสาวที่ชื่อ น.ส.ลี เวย ลิง เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถาบันแห่งชาติ “ประสาทวิทยา” (National Neuroscience Institute) ในสิงคโปร์ สำหรับท่าทีของรัฐบาลไทยต่อการอสัญกรรมของนายลี กวน ยู ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันการค้าของประเทศไทย ที่ศูนย์การประชุม แห่งชาติสิริกิติ์ ว่าขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของอดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู แห่งสิงคโปร์ นายลี กวน ยู ป่วยมาเป็นระยะเวลายาวนาน ก็เป็นกำลังใจ มาโดยตลอด ทำงานหนัก อายุ 90 กว่าปี น่าจะอยู่ได้อีก แต่คนทำงานหนักมักตายเร็ว ตนเองก็ไม่รู้จะอยู่ถึงนายลี กวน ยู หรือเปล่า เพราะทุกวันนี้ก็มึนไปหมด ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกำหนดการเดินทางเยือนสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 24-25 มี.ค.ว่าหลังจากที่นายลี กวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ถึงแก่อสัญกรรม คงต้องเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน สำหรับการไปร่วมพิธีไว้อาลัย ต้องรอกำหนดการอย่างเป็นทางการ ส่วนการไปเยือนบรูไนระหว่างวันที่ 25-26 มี.ค.ยังคงเดิม ขณะที่ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์แสดงความเสียใจต่อนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และครอบครัว เนื่องจากการอสัญกรรมของนายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ขอความเข้าใจให้เลื่อนการเยือนสิงคโปร์ออกไปก่อน โดยทั้งสองฝ่ายจะกำหนดการเยือนใหม่ในโอกาสแรก และในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทย ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปยังนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และครอบครัว ตลอดจนประชาชนสิงคโปร์ ด้านนาง ชัว เซี่ยว ซาน เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางสถานทูตฯ จะเปิดให้ประชาชนลงนามไว้อาลัยตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันเสาร์ที่ 28 มี.ค. เวลา 10.00-18.00 น. ส่วนในวันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค.จะเปิดให้ลงนามในเวลา 10.00-15.00 น.เท่านั้น สำหรับภายในสถานเอกอัคราชทูตสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย มีประชาชนชาวสิงคโปร์ที่พำนักในไทย รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เดินทางมาร่วมลงนามแสดงความเสียใจและนำดอกไม้มาร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของอดีตนายก-รัฐมนตรีสิงคโปร์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขณะนี้อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ได้เดินทางไปร่วมพิธีไว้อาลัยนายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ พร้อมแสดงความเสียใจกับนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และครอบครัว ขณะเดียวกันมีนักการเมือง นักธุรกิจ ที่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ เดินทางจากประเทศไทยไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณบ้างประปราย ต่อมาเมื่อเวลา 17.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ จะเดินทางไปเคารพศพนายลี กวน ยู ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางร่วมงานพิธีวันที่ 28 มี.ค.จะบังเอิญได้เจอกันหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ย้อนถามนักข่าวกลับว่า ใครไป ผู้สื่อข่าวจึงย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์สวนทันทีว่า เขาไปก็เรื่องของเขา เกี่ยวอะไรกัน “ทางสิงคโปร์เขาจัดงานวันที่ 29 แล้วจัดกันคนละวัน เขาก็คงไม่ปล่อยให้ผมไปเจอกันให้อึดอัดหรอกมั้ง ผมไม่มีอะไรอยู่แล้ว แล้วผมจะไปจับใครเองก็ไม่ได้อยู่แล้ว เขาเองก็ไปร่วมงานศพ ก็แล้วแต่เขา ขอร้องอย่าไปเขียนให้ตีกัน นี่เขียนเหมือนอย่างกับผมไปนัดเจอกับเขาหรือ คนเขาตาย เขาก็ไปงานศพ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์