นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยเหลือ 3.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ว่าถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ไทยจะถูกปรับลดเป้าหมายจีดีพีลง เพราะในขณะนี้ ทุกสำนักวิเคราะห์มองไปในทิศทางเดียวกันจึงได้ปรับลดตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยมีความหวังในช่วงครึ่งหลังปี 58 เศรษฐกิจไทยดีกว่านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เศรษฐกิจไทยนอกจากจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลก ยังมาจากปัจจัยพื้นฐาน กรณีที่ไทยหยุดการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจมานาน 6-7 เดือน ในช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมือง ทำให้คนทำมาหากินไม่ได้ และรัฐบาลที่ผ่านมาก็ไม่มีงานทำ
“ผมยืนยันว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นอย่างแน่นอน เพื่อให้เกิดการลงทุนและการใช้จ่ายในทุกกระทรวง ซึ่งผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการไปหลายมาตรการถือว่า ได้ผลพอสมควรและเริ่มเห็นชัดว่าในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาก็เริ่มดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเท่าที่มีตัวเลขการค้าและจีดีพีโลกที่จัดทำโดยเอดีบีและธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) พบว่า มูลค่าการค้าของโลกตั้งแต่ปี 2551-2557 ปรับลดลง เมื่อเทียบกับปี 2544-2550” ส่วนการเบิกจ่ายขณะนี้ทำได้เต็มที่แล้ว ซึ่งการใช้จ่ายภาครัฐที่ทุกคนหวังให้มาช่วยผลักดันเศรษฐกิจนั้น มีสัดส่วนเพียง 21-22% ของจีดีพีเท่านั้น ขณะที่การส่งออกมีสัดส่วนถึง 70% ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชนต้องร่วมมือกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ไปให้ได้.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์