สยามพิวรรธน์ทุ่มยกเครื่อง "ดิสคัฟเวอรี่" สยามพิวรรธน์ประกาศทุ่ม 4,000 ล้านบาท ปรับโฉมยกเครื่อง “สยามดิสคัฟเวอรี่” ครั้งใหญ่ พร้อมอัดโปร “Ground Breaking SALE” ลดล้างสต๊อกสูงสุด 90% 13 วัน ก่อนปิดปรับปรุงชั่วคราว 6 เดือน และเปิดให้บริการโฉมใหม่ต้นปี 2559 รับ ตลาดใหญ่เออีซี และฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยเฉพาะต่างชาติ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี นางศิริเพ็ญ อินทุภูติ ผู้บริหารสายงานโฆษณาและประชาสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภายใต้ชื่อสยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ครั้งใหญ่ ทั้งภายในและภายนอก ด้วยการนำเสนอคอนเซปต์ใหม่ “Breaking All the Rules” และขยายพื้นที่ขายเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีอยู่ 40,000 ตารางเมตร เพื่อตอกย้ำความเป็นช็อปปิ้งเดสติเนชั่นระดับโลกโฉมใหม่ และ The Icon of Innovative Lifestyle หลังจากที่เปิดให้บริการมา 18 ปี และทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท ยกเครื่องครั้งใหญ่ไปแล้วเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา “ก่อนปิดปรับปรุงชั่วคราว 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.2558 นี้ บริษัทได้อัดโปรโมชั่นมหกรรมลดราคาครั้งใหญ่ “Ground Breaking SALE” ทั้งศูนย์ส่งท้ายด้วยการลดกระหน่ำสินค้าทั้งศูนย์ จากร้านค้าแบรนด์ดังกว่า 120 ร้านค้า สูงสุดถึง 90% ระหว่างวันที่ 23 เม.ย.-5 พ.ค.2558 ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการโฉมใหม่ในต้นปี 2559 และหลังเปิดให้บริการโฉมใหม่ ตั้งเป้าว่าจะมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนไทย 60% นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 40% แห่แหนเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 100,000-120,000 คน และสูงสุดถึงวันละ 150,000 คน จากเดิมวันละ 80,000 คน” ทั้งนี้ ภาพรวมของศูนย์การค้ายังแข่งขันดุเดือดและรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ต้องยกเครื่อง และปรับปรุงศูนย์การค้าอยู่ตลอดเวลา ในช่วงเวลาที่เหมาะสม และช่วงนี้ใกล้เปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) น่าจะเป็นโอกาสในการปรับโฉมใหม่ เพื่อรองรับตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะมีโอกาสสูงมาก เพราะแค่เดือน ม.ค.เดือนเดียว ประเทศไทยมีตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้ามาสูงถึง 2.65 ล้านคน ในส่วนของ 3 ศูนย์การค้าของบริษัท สัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติมีเพิ่มขึ้นเป็น 40% จาก 30% ขณะที่กลุ่มคนไทยลดเหลือ 60% จาก 70% โดยตลาดใหญ่คือ จีน ฮ่องกง รองลงมาคือ มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งกลุ่มนี้ใช้เงินในการช็อปปิ้งเยอะมาก “จากที่บริษัทได้เตรียมงบลงทุน 55,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี ตามที่คุณชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าบริหารสยามพิวรรธน์ ได้เคยแถลงไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ปีนี้บริษัท ได้ลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของการปรับปรุงศูนย์การค้าสยามดิสคัฟ-เวอรี่ ที่ใช้งบลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท รายได้ปี 2558 นี้ บริษัท ตั้งเป้าว่า ผลประกอบการน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 2557 ที่ทำได้ 30,000 ล้านบาท แต่ก็คงต้องดูว่าต้องปรับเป้ารายได้ใหม่หรือไม่ หลังจากที่มีการปิดปรับปรุงศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ชั่วคราวถึง 6 เดือน” นางศิริเพ็ญกล่าวว่า การยกเครื่องใหญ่ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ครั้งนี้ นอกจากต้องการรักษาย่านการค้าสยามไว้ ก่อนที่ลูกค้า จะแห่ไปใช้บริการในย่านการค้าแห่งใหม่ “ดิ เอ็ม ดิส-ทริค” (The EM District) ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ยังต้องการรองรับตลาดใหญ่เออีซี และขยายฐานลูกค้าให้โตและกว้างขึ้นจากฐาน เดิมอายุ 35-50 ปี เพราะคอนเซปต์ของศูนย์เป็น “ดิ อัลติเมท ไลฟ์สไตล์ แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์” ขณะที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน คอนเซ็ปต์ “เวิลด์คลาส ช็อปปิ้ง เดสติเนชั่น” เน้นเจาะฐานลูกค้ากลุ่มคนไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ คอนเซปต์ “The Ideaopolis” เมืองแห่งไอเดียล้ำเทรนด์ เน้นเจาะฐานลูกค้ากลุ่มคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์