เศรษฐกิจโลกชะลอตัวพาณิชย์เร่งหาตลาดใหม่ จับมือเอกชนรื้อแผนส่งออก
"ฉัตรชัย" รมว.พาณิชย์ เตรียมเชิญภาคเอกชนเข้าหารือ เพื่อปรับกลยุทธ์ฟื้นการส่งออก ขอให้เครือข่ายรายใหญ่ช่วยเอสเอ็มอีขยายตลาดต่างประเทศ กรมพัฒน์ติวเข้มผู้ประกอบการ อี-คอมเมิร์ซไทยปิดจุดอ่อน-ขยายจุดแข็งรายเว็บไซต์ เพิ่มศักยภาพธุรกิจให้เข้มแข็ง
นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะโฆษกประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เตรียมเชิญสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) สภาหอการค้าไทย สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และผู้ส่งออกรายใหญ่ เป็นต้น หารือในการปรับแผนเพื่อฟื้นการส่งออกไทยร่วมกัน ระหว่างภาครัฐและเอกชนในช่วงที่เหลือของปี หรือไตรมาสที่ 2-4 หลังจากผู้ส่งออกประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลให้การส่งออกไทยใน 2 เดือนแรกของปี 2558 (มกราคม-กุมภาพันธ์) ตัวเลขลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.82% หรือมีมูลค่า 34,478 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกันภาครัฐก็จำเป็นต้องให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วยทำตลาดสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพราะรายใหญ่จะมีเครือข่ายในต่างประเทศมาก ดังนั้นหากรายใหญ่มาช่วยเป็นแขนเป็นขาในการขับเคลื่อนการส่งออกก็จะช่วยยอดการส่งออกภาพรวมของไทยได้อีกมาก
"ในตลาดอินเดียพบว่ามีกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง 300-400 ล้านคน หากดึงคนกลุ่มนี้มาซื้อสินค้าไทยให้ได้สัก 10% ก็จะเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทย หรือประเทศจีน ที่ปัจจุบันพบว่ามีเมืองต่างๆ ที่สินค้าไทยยังเข้าถึงได้ไม่มากแต่พบว่าผู้บริโภคสนใจสินค้าไทยมาก และตลาดญี่ปุ่นที่ต้องเน้นสินค้าผู้สูงอายุเพราะคนกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นและมีกำลังซื้อสูงด้วย ซึ่งแผนที่ดำเนินการภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันศึกษารายละเอียดในการผลักดันสินค้า เหล่านี้"
นางดวงกมลกล่าวว่า เร็วๆ นี้ รมว.พาณิชย์มีแผนที่จะเดินทางไปโรดโชว์ในประเทศเวียดนาม เพื่อเจรจาด้านการค้าและหารือร่วมกันในการพัฒนาข้าวทั้งด้านการเพิ่มมูลค่า, ด้านการตลาดและเรื่องสถานการณ์ราคาข้าว เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีการโรดโชว์ในประเทศแอฟริกา และตะวันออกกลาง เป็นต้น
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์มีแผนจะส่งเสริมการระบายส่งออกผลไม้ไทยผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นโดยขณะนี้กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงจากยุโรปนิยมสั่งซื้อผลไม้โดยตรงจากสวนของเกษตรกร หรือตัวแทนจำหน่ายในไทย เนื่องจากการสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ ลูกค้าสามารถรับผลไม้สดจากไร่ได้ทันที ในเวลาไม่เกิน 3 วัน ซึ่งทำให้ลูกค้าจากต่างประเทศพอใจ เพราะจะได้ผลไม้ที่สดและรสชาติยังคงเดิม โดยผลไม้ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ มะม่วง, ส้มโอ, มะขามหวาน, สับปะรดภูแล และลิ้นจี่ห่อ เป็นต้น อีกทั้งลูกค้ายังมีความต้องการสั่งซื้อมะพร้าวผ่านระบบออนไลน์ด้วย แต่พบว่า ยังมีอุปสรรคในการขนส่งอยู่ เนื่องจากมะพร้าวมีน้ำหนักมาก การขนส่งผ่านเครื่องบินยังไม่คุ้มค่า
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการสั่งซื้อผลไม้ผ่านระบบออนไลน์ ยังไม่นิยมในกลุ่มคนเอเชียมากนัก กลุ่มนี้ยังนิยมซื้อผลไม้ไทยตามห้างสรรพสินค้า เพราะสินค้าที่ขนส่งไปยังประเทศแถบเอเชียใช้เวลาไม่มาก ทำให้สินค้ายังพอมีความสดอยู่บ้าง
นายวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดโครงการ "พัฒนาร้านค้าออนไลน์ไทยสู่สากล" โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ เช่น ด้านการพัฒนาเว็บไซต์ ด้านการบริหารจัดการ และด้านการตลาด ฯลฯ มาทำการวิเคราะห์ธุรกิจเชิงลึกให้แก่ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซของไทยที่เข้าร่วมโครงการ เป็นรายเว็บไซต์ พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำเชิงปฏิบัติการ “ปิดจุดอ่อน-ขยายจุดแข็ง” แต่ละร้านค้าออนไลน์ กว่า 100 เว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ปรับปรุงพัฒนาร้านค้าออนไลน์ให้สอดคล้องกับรูปแบบของร้านค้าออนไลน์ในระดับสากล นอกจากจะเป็นการเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้มีความเข้มแข็งแล้ว ยังทำให้ผู้ประกอบการฯ เข้าใจสภาพตลาดอี-คอมเมิร์ซทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างลึกซึ้ง
นอกจากนี้ ยังได้เฟ้นหาร้านค้าออนไลน์ต้นแบบที่มีศักยภาพสูงสุดจากผู้เข้าร่วมโครงการ อย่างน้อย 15 เว็บไซต์ เพื่อพัฒนาต่อยอดและผลักดันให้ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ปัจจุบันธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของไทยมีมูลค่ากว่า 768,014 ล้านบาท และคาดว่าจะสูงถึง 1 ล้านล้านบาท ได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า และยังมีโอกาสที่จะเติบโตสู่ตลาดสากล ทั้งในระดับอาเซียนและตลาดต่างประเทศอื่นๆ จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซเข้าร่วมโครงการฟรี สอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วน 1570 หรือที่ e-mail : e-commerce@dbd.go.th
ขอบคุณข้อมูล จาก : แนวหน้า