จับชีพจรเศรษฐกิจจาก ดัชนี "มาม่า" ถึง ดัชนี "7-11"
ทุกวันนี้ไปไหนมาไหน ได้ยินแต่ เสียงชาวบ้านบ่นว่าเศรษฐกิจแย่ของแพง สวนทางกับข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ ที่บอกว่าเงินเฟ้อยังต่ำ สำหรับดัชนีขาประจำที่ชาวบ้านใช้วัดจนมีความสำคัญเป็นที่ยอมรับไปแล้ว คือ "ดัชนีมาม่า" จำได้ว่าช่วง "วิกฤตต้มยำกุ้ง" บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" ขายดิบขายดีเพราะคนจนลงไม่มีเงินต้องฝากท้องกับมาม่า เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดี คนลืมมาม่าหันไปกินอย่างอื่นแทน
ทุกวันนี้กลับตรงกันข้ามยอดขาย "มาม่า" ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจดีขึ้น แต่เพราะคนไม่มีเงินจะซื้อแม้กระทั่ง "มาม่า" มากิน
นักธุรกิจที่มีแฟรนไชส์หลายสาขา เล่าให้ฟังว่า ปกติในร้านจะต้องมีสินค้าขายไม่หมด ต้องทิ้งเพราะหมดอายุ แต่ละวันเฉลี่ยวันละ 200 บาท แต่ ทุกวันนี้ต้องทิ้งแต่ละวันเฉลี่ย 700 บาท เพิ่มขึ้น 3 เท่า เพราะขายไม่ดี
พรรคพวกที่ทำ ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น เคยขายดี ขยายสาขาปีเดียว 3 สาขา บอกว่าตอนนี้ลูกค้าหายไป 20-30% ส่วนอีกรายขายอาหารไทยบอกว่า เมื่อก่อนลูกค้ามา 4 คนต้องสั่ง 4-5 อย่าง เดี๋ยวนี้สั่งแค่ 3 อย่าง เคยสั่งห่อกลับบ้านแต่ทุกวันนี้ไม่สั่งแล้ว
แวะเข้าไปดู ดัชนีตลาดสดแถวๆ บ้าน ตลาดสดขนาดใหญ่พ่อค้าแม่ค้าบ่นกันอุบ แต่ก่อนเคยคึกคักปัจจุบันแผงขายของหายไปหลายราย หายทั้งคนซื้อคนขาย พ่อค้าเป็ดพะโล้เคยขายอย่างต่ำๆ 60 ตัวทุกวันเดี๋ยวนี้เหลือ 30 กว่าตัว ถามร้านอื่นๆ ก็เหมือนๆ กัน
กระทั่ง ตลาดสด อ.ต.ก. ที่เป็นตลาดคนรวย ตอนนี้ลูกค้าหายไปเกือบๆ 30% แม่ค้าที่มีแผงขายผลไม้ประกาศหาคนเช่าต่อ แค่วันละ 500 บาท เพราะขายเองไม่คุ้ม ลูกค้าที่ยังเหลืออยู่ก็จะเป็นขาประจำที่พอมีกำลังซื้ออยู่บ้างเท่านั้น
อาการอย่างนี้เป็นมา 2 ปีแล้วแต่ตอนนี้หนักขึ้นเรื่อยๆ
ขอบคุณข้อมูล จาก : ข่าวสด ขอบคุณรูปภาพ จาก : popcornfor2.com