คอลัมน์ "เมืองไทย 25 น." โดย ทวี มีเงิน ข่าวสด

ทุกวันนี้ไปไหนมาไหน ได้ยินแต่ เสียงชาวบ้านบ่นว่าเศรษฐกิจแย่ของแพง สวนทางกับข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ ที่บอกว่าเงินเฟ้อยังต่ำ สำหรับดัชนีขาประจำที่ชาวบ้านใช้วัดจนมีความสำคัญเป็นที่ยอมรับไปแล้ว คือ "ดัชนีมาม่า" จำได้ว่าช่วง "วิกฤตต้มยำกุ้ง" บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" ขายดิบขายดีเพราะคนจนลงไม่มีเงินต้องฝากท้องกับมาม่า เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดี คนลืมมาม่าหันไปกินอย่างอื่นแทน

ทุกวันนี้กลับตรงกันข้ามยอดขาย "มาม่า" ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจดีขึ้น แต่เพราะคนไม่มีเงินจะซื้อแม้กระทั่ง "มาม่า" มากิน

ดัชนีใหม่ ๆ หมาดๆ ที่ยังไม่แพร่หลาย แต่จะพูดกัน ในหมู่นักธุรกิจ คือ "ดัชนี 7-11" เขาบอกว่าร้านสะดวกซื้อชื่อดังที่มีสาขาทั่วประเทศกว่า 5 พันแห่ง มีอยู่แทบจะทุกๆ ตรอกซอกในเมือง และกระจายอยู่เกือบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ น่าจะเป็นตัวชี้วัดที่ดีปกติ ร้านสะดวกซื้อจะจับกลุ่มชาวบ้านเดินถนน ไม่ได้นั่งรถเก๋งมาซื้อ พูดง่ายๆ เป็นกลุ่มชนชั้นกลางลงมาถึงระดับรากหญ้า

นักธุรกิจที่มีแฟรนไชส์หลายสาขา เล่าให้ฟังว่า ปกติในร้านจะต้องมีสินค้าขายไม่หมด ต้องทิ้งเพราะหมดอายุ แต่ละวันเฉลี่ยวันละ 200 บาท แต่ ทุกวันนี้ต้องทิ้งแต่ละวันเฉลี่ย 700 บาท เพิ่มขึ้น 3 เท่า เพราะขายไม่ดี

พรรคพวกที่ทำ ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น เคยขายดี ขยายสาขาปีเดียว 3 สาขา บอกว่าตอนนี้ลูกค้าหายไป 20-30% ส่วนอีกรายขายอาหารไทยบอกว่า เมื่อก่อนลูกค้ามา 4 คนต้องสั่ง 4-5 อย่าง เดี๋ยวนี้สั่งแค่ 3 อย่าง เคยสั่งห่อกลับบ้านแต่ทุกวันนี้ไม่สั่งแล้ว

แวะเข้าไปดู ดัชนีตลาดสดแถวๆ บ้าน ตลาดสดขนาดใหญ่พ่อค้าแม่ค้าบ่นกันอุบ แต่ก่อนเคยคึกคักปัจจุบันแผงขายของหายไปหลายราย หายทั้งคนซื้อคนขาย พ่อค้าเป็ดพะโล้เคยขายอย่างต่ำๆ 60 ตัวทุกวันเดี๋ยวนี้เหลือ 30 กว่าตัว ถามร้านอื่นๆ ก็เหมือนๆ กัน

กระทั่ง ตลาดสด อ.ต.ก. ที่เป็นตลาดคนรวย ตอนนี้ลูกค้าหายไปเกือบๆ 30% แม่ค้าที่มีแผงขายผลไม้ประกาศหาคนเช่าต่อ แค่วันละ 500 บาท เพราะขายเองไม่คุ้ม ลูกค้าที่ยังเหลืออยู่ก็จะเป็นขาประจำที่พอมีกำลังซื้ออยู่บ้างเท่านั้น

อาการอย่างนี้เป็นมา 2 ปีแล้วแต่ตอนนี้หนักขึ้นเรื่อยๆ

ขอบคุณข้อมูล จาก : ข่าวสด ขอบคุณรูปภาพ จาก : popcornfor2.com