“ประจิน” ไม่พอใจผลงานกระทรวงคมนาคม 6 เดือน ยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่คนร้องเรียน หรือเป็นความหวังของประชาชนได้ ทั้งเรื่องจัดระเบียบแท็กซี่ ขสมก. พัฒนาสนามบิน รถไฟรางคู่ที่เพิ่งเริ่ม มั่นใจหลายเรื่องต้องใช้มาตรา 44 เพราะต้องเร่งให้จบในรัฐบาลนี้ หากไม่จบต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคมในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ว่า ในระยะเวลาของการบริหารงานกระทรวงคมนาคมเพื่อผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมตามนโยบายของรัฐบาลนั้น ทุกโครงการยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะกระทรวง คมนาคมส่วนมากจะเป็นนโยบายโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม แต่งานที่ทำส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องแก้ปัญหามากกว่า ซึ่งแต่ละโครงการยังมีความคืบหน้าไม่มาก บางโครงการไม่คืบหน้า ก็เลยไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นผลงาน ซึ่งถ้าเป็นบุคคลทั่วไป ไม่ว่าผลงานจะลบหรือบวกแค่มีความคืบหน้าก็จะถือว่าเป็นผลงาน
“คำว่าผลงานคือสร้างสรรค์และเป็นบวก และหากถามว่าพอใจกี่เปอร์เซ็นต์ ต้องบอกว่าไม่พอใจเลย เพราะสิ่งที่ทำนั้น ยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่ประชาชนมาร้องเรียน หรือเป็นความหวังของประชาชนได้ทุกเรื่อง ถ้าได้ทุกเรื่องจะพอใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาแท็กซี่ก็ยังไม่จบ เรื่องการจัดระเบียบแท็กซี่ก็ยังไม่ทำต่อ เรื่องของรถ ขสมก.ก็ยังไม่คืบหน้า การพัฒนาสนามบินก็ยังต้องทำต่อ ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ, สนามบินดอนเมือง, สนามบินอู่ตะเภา เรื่องท่าเรือก็ยังไม่ก้าวหน้า ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น, โครงการตั๋วร่วม, มอเตอร์เวย์, ทางด่วน ทั้งหมดยังดำเนินการไม่จบ จึงยังไม่เห็นผลงานที่น่าพอใจ ซึ่งในใจตนเองถือว่าการดำเนินตามแผนงานของกระทรวงคมนาคมทั้งหมดยังล่าช้าเพราะไม่สามารถทำได้ตามคาดหวัง แต่ก็จะต้องเร่งเดินหน้าให้จบตามแผนงาน” พล.อ.อ.ประจิน กล่าวต่อว่า การทำงานทุกอย่างจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ไม่สามารถข้ามขั้นตอนได้ ดังนั้นทุกโครงการก็ยังล่าช้าอยู่ หากทำงานแบบเร่งรัดขั้นตอน ก็อาจจะทำให้แต่ละโครงการเกิดปัญหาได้ ซึ่งยิ่งทำให้เกิดความล่าช้าไปอีก ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการดำเนินการ การทำงานก็ต้องอาศัยขบวนการขั้นตอนให้เวลาในการทำงาน หากจะแก้ไขให้เร็วขึ้นก็ต้องไปปรับโครงสร้างขบวนการทำงานใหม่ ทั้งนี้ ในแต่ละโครงการของทุกกระทรวงที่ล่าช้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้เร่งให้แต่ละกระทรวงเร่งดำเนินการ กระทรวงคมนาคมก็เช่นกัน เพราะอยากให้ทุกโครงการสามารถเห็นเป็นรูปธรรมหรือเริ่มต้นโครงการได้แล้วเสร็จในวาระของรัฐบาลนี้ เพราะหากไม่เกิดในช่วงนี้ ทุกอย่างก็อาจจะต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ ซึ่งก็ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคม หากยังไม่มีความคืบหน้าตามเป้าหมายหรือล่าช้ากว่าเป้าหมายมาก ก็ต้องมีความจำเป็นในการใช้มาตรา 44 ในการเร่งผลักดันในแต่ละโครงการ เช่น เรื่องผลกระทบจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ซึ่งต้องใช้แน่นอน หรือการจะใช้ในการตั้งหน่วยงานใหม่ก็มีโอกาสที่จะขอใช้มาตรา 44 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกรมขนส่งทางอากาศ ที่จะมาแทนกรมการบินพลเรือน เรื่องของกฎหมายพวกนี้มีความเป็นไปได้ที่จะใช้มาตรา 44 เข้ามาช่วยดำเนินการให้เร็วขึ้น ส่วนกรมการขนส่งทางราง ต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่างๆ ให้รอบคอบ ก่อน ส่วนโครงการอื่นหากพิจารณาแล้วเห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ต้องการให้โครงการเดินหน้าได้เร็ว ก็อาจจะลดขั้นตอนแล้วใช้มาตรา 44 แต่ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลบนพื้นฐานความจำเป็น.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์