ชงแผนกู้วิกฤติส่งออกไทย พาณิชย์ลุยตลาดรายประเทศลุยอี-คอมเมิร์ซ
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมมีแผนผลักดันการส่งออกสินค้าไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยจะเน้นการส่งออกไปตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ได้แก่ อาเซียน จีน ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา รัสเซียและซีไอเอส และแอฟริกา ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับการรักษาตลาดหลัก ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (อียู) เพราะจากการหารือกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) หลายประเทศยังยืนยันว่า การส่งออกไทยปีนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี แม้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้ายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ จะเน้นผลักดันการส่งออกเป็นรายตลาด และรายสินค้าให้มากขึ้น เพราะบางตลาด แม้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว แต่กำลังซื้อของคนบางกลุ่ม หรือบางสินค้า มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น
นางนันทวัลย์กล่าวว่า สำหรับการผลักดันการส่งออกไปตลาดญี่ปุ่น สินค้าไทยยังเป็นที่ต้องการ และประเมินว่าหลายสินค้ายังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยกรมจะจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเจรจาจับคู่กับนักธุรกิจญี่ปุ่นที่โอซากา ในเดือนก.ค.นี้เพื่อผลักดันการส่งออก ส่วนจีนแม้ปรับลดเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเหลือ 7% และลดพึ่งพาการนำเข้า แต่ยังมั่นใจว่า จะผลักดันการส่งออกเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น โดยจะเน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ในเมืองรองที่กำลังพัฒนา รวมทั้งเจาะตลาดผ่านห้างสรรพสินค้า การขายผ่านออนไลน์ และเพิ่มการรู้จักสินค้าไทย โดยนำดาราไทยไปเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าอาหารและธุรกิจบริการในจีนมากขึ้น สำหรับเกาหลีใต้ เศรษฐกิจชะลอตัวเล็กน้อย แต่รัฐบาลเกาหลีใต้กระตุ้นเศรษฐกิจโดยลดดอกเบี้ย ทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการส่งออกไทย โดยเฉพาะสินค้าอาหาร ขณะที่อินเดีย เน้นการเพิ่มความสัมพันธ์ทางด้านการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น ส่วนอาเซียน จะเน้นการรักษาตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งตลาด
“นอกจากนี้กรมยังจะช่วยผู้ส่งออกเพิ่มช่องทางการขาย โดยส่งเสริมให้ใช้อี-คอมเมิร์ซขายสินค้าเจาะเข้าสู่ตลาดต่างๆ โดยกรมได้พัฒนาเว็บไซต์ Thaitrade.com ซึ่งล่าสุดมีผู้เข้าใช้บริการแล้ว 23,842 ราย และจะเน้นการเพิ่มกิจกรรมโรดโชว์ไปยังประเทศต่างๆ นำคณะโดย รมว.พาณิชย์ นอกจากนี้ จะเร่งแก้ไขปัญหาการส่งออก เช่น ปัญหาศุลกากร โลจิสติกส์ กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค รวมทั้งการร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานทาส ในอุตสาหกรรมประมงและสิ่งทอ เป็นต้น”.
ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.