ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ในเวลา 09.00 - 11.50 น.จากนั้นในเวลา 12.00 น.ที่ตึกนารีสโมสร นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายอำพล กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี รอ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดย นายอาคม เปิดเผยว่า การอัดฉีดเม็ดเงินในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบที่ 2 ของรัฐบาล ได้แก่ ถนนทางหลวงโดยกรมทางหลวงชนบท งบประมาณ 6 หมื่นล้านบาท และถนนสายรองในชนบทโดยกรมทางหลวงชนบทงบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท จะสามารถเบิกจ่ายได้ภายในเดือน พ.ค. นี้ อย่างน้อยเบิกจ่ายได้ 55% ถือว่าเป็นตัวเลขการเบิกจ่ายมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 50% ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือน ธันวาคม 2558 นายอาคม กล่าวอีกว่า ในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ นายกฯได้กำชับเรื่องให้เร่งรัดการลงทุนภาครัฐโดยเฉพาะการก่อสร้างถนนทั้งทางหลวงละชนบท โครงการบริหารจัดการน้ำ โครงการรถไฟรางคู่ที่จะต้องดำเนินการเซ็นสัญญา ให้เกิดขึ้นให้ได้ภายในไตรมาสที่ 2 การก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินพาณิชย์และการแก้ไขปัญหาสายการบินกลุ่มเช่าเหมาลำ เป็นต้น
ด้าน นายอำพล กิตติอำพน กล่าวว่า นายกฯสั่งการให้ติดตามความคืบหน้าของนโยบายการลงทุนภาครัฐเพื่อรายงานให้รับทราบเป็นรายสัปดาห์ และเน้นให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องดูแลเศรษฐกิจในระดับล่างโดยเฉพาะ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SME รวมถึงผู้ค้าปลีกรายย่อยที่อยู่ในระดับตลาด อาทิ ตลาดนัดจตุจักร โดยได้กำชับให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังเข้าไปดูและให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้าถึงแหล่งทุน ถือเป็นการเข้าไปช่วยประคับประคองประชาชนระดับล่างให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ นอกจากนี้ ยังได้สั่งการกำชับเกี่ยวกับโครงการเครื่องจักรชุมชน ที่เป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการเข้าไปช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรโดยการให้เกษตรกรรวมกลุ่มในรูปสหกรณ์ อาทิ การอบข้าว โรงสีข้าว เครื่องจักรไถหว่าน โดยทางภาครัฐจะเป็นฝ่ายลงทุน และตั้งหน่วยบริการดูและให้เกิดการขยายตัวการค้าในจุดที่เป็นจุดเชื่อมต่อ ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้านจะต้องไม่มีปัญหาและอุปสรรค

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.naewna.com