ในช่วง 5 ปีหลังมานี้ วงการอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่ขึ้นตามแนวรถไฟฟ้า เพื่อสนองตอบกับไลฟ์สไตล์หนุ่มสาวชาวออฟฟิศ ทำกำไรให้กับกลุ่มผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อยได้มหาศาล ด้วยราคาที่ไม่สูงจนเกินไป และสร้างกำไรได้หลายเท่าตัว ทำให้แทบทุกโครงการที่เข้าข่ายนี้ ได้รับความสนใจทั้งจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและนักเก็งกำไรระยะสั้นที่พร้อมใจกันควักกระเป๋าเหมาใบจองหมดเกลี้ยงตั้งแต่ช่วง Pre-sale

ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ทำตัวเลขกำไรได้สวยงามเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 (YOY) ไม่ว่าจะเป็น QH หรือ ควอลิตี้ เฮาส์ จำกัด (มหาชน) ที่ทำกำไรถึง 1,698.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144% พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กำไร 2,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% และที่ทำกำไรได้มากที่สุดคือ LPN หรือ ลุมพินี กำไรมากขึ้นถึง 800.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 400.43%และที่น่าจับตาคือ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ทำกำไรจากการขาย 12,883.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2555 (YOY) ถึง 2724.33 ล้านบาท เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพื่อขยายโครงการใหม่ โดยทุ่มทุนเพื่อส่วนนี้ 12,049.48 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 100% ของกำไรที่ได้รับทั้งหมด

ในขณะที่รายใหญ่เปิดตัวและวางแผนจะลงทุนเพิ่ม รายย่อยหลายราย กลับมีกำไรที่น้อยลงจนถึงขั้นขาดทุน

โดยภาพรวมแล้วในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทรายใหญ่ทุกแห่งรายได้รวมเพิ่มขึ้นกว่า 50 % เกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ทั้งสิ้น เป็นผลให้แทบทุกบริษัทคาดการณ์ด้วยความมั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เนื่องจากความต้องการของลูกค้าคอนโดฯ ที่เป็นผู้มีกำลังซื้อยังคงมีอยู่และจะเพิ่มขึ้น แม้ไม่มีนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลก็ไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับลูกค้าส่วนนี้ มีเพียง LPN ซึ่งเป็นเจ้าที่ทำกำไรสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรกเท่านั้น ที่คาดการณ์ไว้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะชะลอตัว

ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิชาการ โดย ดร. โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย AREA หรือ บริษัทเอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด ได้คาดการณ์ไว้ว่า อสังหาริมมทรัพย์ในครึ่งปีหลังจะเติบโตน้อยกว่าครึ่งปีแรกประมาณ 10% โดยคอนโดมิเนียมจะยังคงเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด เพราะไลฟ์สไตล์คนเมือง และความฝังใจกับเหตุการณ์อุทกภัยในปี 2554

นอกจากนี้ อีกปัญหาที่เกิดขึ้นคือการซื้อเพื่อการเก็งกำไรมีมากขึ้นส่งผลให้เกิดภาวะล้นตลาด คอนโดฯ ที่สร้างเสร็จแล้วไม่สามารถโอนได้ เพราะผู้ซื้อกู้ไม่ผ่าน หรือไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้กลายเป็นหนี้เสีย ซึ่งส่งผลเสียต่อสถาบันการเงินเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้

การแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากการอัดแคมเปญและโปรโมชั่นที่ทุกบริษัทต่างพากันเสนอให้ลูกค้าเลือก รวมทั้งการลดราคาลงเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะล้นตลาดของคอนโดฯ อย่างชัดเจน

แม้จะมีการคาดการณ์ในด้านลบจากนักวิชาการออกมาจนน่าหวั่นใจว่าจะเกิดภาวะฟองสบู่ แต่นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ยังคาดการณ์ไปในทิศทางที่ดี โดยอสังหาริมทรัพย์ในปี 2557 น่าจะโตขึ้นประมาณ 5 % – 10% และจะไม่เกิดภาวะฟองสบู่ เนื่องจากคอนโดใหม่มีราคาถูกลงเพราะมีการแข่งขันด้านราคาระหว่างผู้ประกอบการมากขึ้น เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ทำให้กำลังซื้อลดลงและในประเด็นเดียวกันนี้ CBRE กล่าวว่า เมื่อราคาลดลง ผู้ประกอบการก็จะลดขนาดห้องลงไปด้วย เพื่อเป็นการลดต้นทุน

ยากจะบอกได้ว่าการคาดการณ์ของใครจะถูกต้องในเวลานี้ (เดือนตุลาคม 2556) แต่จากการเปิดตัวคอนโดทั้งสิ้นกว่า 5.9 หมื่น ยูนิต ในปี 2556 และการประกาศปรับตัวของพี่ใหญ่ อย่างแสนสิริ และศุภาลัย ที่ประกาศชะลอการลงทุนคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ในปี 2557 ไว้ เนื่องจากที่ดินหายากขึ้นและมีราคาแพง เพื่อหันไปรุกตลาดทาวเฮาส์ และบ้านจัดสรร ตามต่างจังหวัดแทน

อาจเป็นการส่งสัญญาณกลายๆ ถึงการอิ่มตัวสำหรับคอนโดมิเนียม ซึ่งนักลงทุนรายย่อยทั้งหลายต้องทบทวนให้มากขึ้น