นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัย โดยเฉพาะผู้ยากไร้ และมีแนวคิดหาเงินมาใส่ในกองทุนจากภาษีบาป เช่น ภาษีสุรา เพื่อไม่ให้กระทบกับงบประมาณด้านการลงทุน ที่ยังมีความจำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการเก็บเงินสนับสนุนจากภาษีบาป 2% มาสนับสนุนช่วยเหลือ 3 กองทุนอยู่แล้ว รวมเงินกว่า 8,000 ล้านบาท ได้แก่ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 3,000 ล้านบาท สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 3,000 ล้านบาท และล่าสุดกองทุนกีฬาที่
เพิ่งบังคับใช้ใหม่อีกประมาณ 2,000 ล้านบาท มองว่าเป็นภาระการคลังที่มากไปแล้ว และคงต้องหาเงินจากช่องทางอื่น โดยได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปศึกษาความเป็นไปได้ภายใน 1 เดือน ทั้งความต้องการในการใช้เงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัยว่ามีมากน้อยเพียงใด มีช่องทางอื่นๆ ที่จะหาเงินได้อีกหรือไม่ เช่น วิธีการดึงเม็ดเงินจากกองทุนหมุนเวียนอื่น ที่ใช้เงินไม่เกิดประโยชน์กลับมาในงบประมาณ เพื่อนำไปจัดสรรให้แทน “แนวทางตอนนี้ไม่ค่อยจะถูกต้องนัก การใช้เงินควรเป็นไปตามวินัยการเงินการคลัง คือ ต้องผ่านการพิจารณาจาก ครม. และควรใช้เงินจ่ายผ่านงบประมาณ สำหรับสถานะเงินคงคลังขณะนี้ลดลงมาอยู่ที่ 125,000 ล้านบาท แต่เดือน พ.ค. มิ.ย.และ ส.ค.ของทุกปี จะมีรายได้จากภาษีเงินได้นิติบุคคลเข้ามาเงินคงคลังจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 300,000-400,000 ล้านบาท ดังนั้น เงินคงคลังยังมีสถานะที่มั่นคง”.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์