นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาธนาคารได้เข้าไปช่วยเหลือลูกค้าด้วยการให้สภาพคล่องกับธุรกิจจำนวน 8,000 ราย คิดเป็นเงิน 40,000 ล้านบาท จากปี 57 มีมูลค่า 80,000 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบ จากเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ธุรกิจมีปัญหา ซึ่งได้ผ่อนผันการชำระหนี้ ด้วยการลดดอกเบี้ย ยืดหนี้ให้ลูกหนี้เป็นเวลา 3-6 เดือนเป็นรายกรณี ส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ของธนาคารอยู่ในภาวะทรงตัวที่ระดับ 2.2-2.3%
“ธนาคารได้ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดเริ่มตั้งแต่เศรษฐกิจมีปัญหาน้ำท่วม ชุมนุมประท้วงมาโดยตลอด และพร้อมช่วยเหลือลูกค้าต่อเนื่องจากทุกภัยที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้จำกัดวงเงิน และที่ผ่านมาได้ปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ากลุ่มท่องเที่ยวประมาณ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากในบางพื้นที่ เช่น จ.ภูเก็ต และที่พัทยา จ.ชลบุรี นักท่องเที่ยวรัสเซียลดลงจากเศรษฐกิจที่หดตัว ซึ่งยอมรับว่าผู้ประกอบการบางรายมีปัญหาเงินทุนจึงต้องขอใช้วงเงินกู้จากธนาคารเพิ่ม” สำหรับการปล่อยสินเชื่อในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเป็นไปตามเป้าที่วางไว้เติบโต 2.5% และทั้งปีสินเชื่อโตไม่เกิน 8% ซึ่งเน้นการหาลูกค้าใหม่ และการรีไฟแนนซ์ ส่วนพอร์ตสินเชื่อคงค้างปัจจุบันอยู่ที่ 536,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 57 อยู่ที่ 524,000 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นเห็นได้จากการบริโภค การลงทุนขยายตัวไม่มากนัก ประกอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงทำให้คนระมัดระวังการใช้จ่าย แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีจะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ยังประเมินไม่ได้ขึ้นกับความเชื่อมั่น และการใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นหลัก.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์