สมหมาย" ตีปี๊บเศรษฐกิจไทยฟื้นแล้ว เป่ามนต์ซะเคลิ้มปีนี้ได้เห็น 3.5% คมนาคมแจงผลงาน 6 เดือน
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้แถลงผลงานของกระทรวงการคลังในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวจากคนที่สลบแล้ว และจะค่อยๆ เริ่มฟื้นตัวมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ แต่การพื้นตัวดังกล่าว ไม่ได้หมายว่าภาวะเศรษฐกิจไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว แต่เป็นภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมาที่เคยอยู่ที่ระดับก้นเหว เนื่องจากในช่วงต้นปี 2557 จนถึงกลางปีที่แล้ว เศรษฐกิจไทยมีสภาพคล้ายอยู่ในสนามรบ ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ดังนั้นหากในปีนี้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้ในระดับ 2-3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ก็น่าจะรับได้ แม้ว่าอาจไม่ดีเท่ากับในอดีตที่เคยขยายตัว 4-5% ของจีดีพีก็ตาม
“ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มคลี่คลายมากขึ้น และมีสัญญาณของการฟื้นตัวที่ชัดเจน แต่ยังคงเปราะบางอยู่ โดยอัตราการขยายตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 57 ขยายตัว 1.4% เทียบกับครึ่งแรกของปี 57 ที่ติดลบ 0.02% ขณะที่ครึ่งแรกของปีงบประมาณ 58 (ต.ค.57-มี.ค.58) รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 970,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 3.9% โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มที่สะท้อนการบริโภคภายในประเทศในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณนี้เป็นบวก 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนเม็ดเงินอัดฉีดเศรษฐกิจที่รัฐบาลดำเนินการไปในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานั้น รมว.คลังกล่าวว่า ไม่ได้คาดคิดว่ารัฐบาลจะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่เมื่อเข้ามานั่งบริหารงานก็พบว่า ปัญหาของเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองมีความรุนแรงมาก แม้รัฐบาลจะอัดฉีดเงินหลายแสนล้านบาทก็ทำได้เพียงพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดลงไปเท่านั้น แต่เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มมีการฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ก็ทำให้มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลผลักดันไปก่อนหน้าเริ่มเห็นผล โดยมั่นใจว่าเงินกู้เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ 35,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อพัฒนาและบูรณะถนนอีก 40,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลอัดฉีดเพิ่มเติมลงไปจะทำให้การลงทุนของรัฐบาลมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวว่า จีดีพีในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 3.5% บวกลบเล็กน้อย ซึ่งดีกว่าปีที่แล้ว ที่ขยายตัวเพียง 0.7% ของจีดีพี ขณะที่ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ต่ำกว่าเป้าเพียง 0.2% เท่านั้น โดยทั้งปีงบประมาณ กระทรวงการคลังคาดว่ารายได้จัดเก็บภาษีจะต่ำกว่าเป้าหมายเพียง 5% เท่านั้น นอกจากนี้ ยังจะขอให้รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายที่ตั้งไว้อีก 50,000 ล้านบาท
ด้าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม แถลงผลงานว่า กระทรวงคมนาคมเร่งเดินหน้าในโครงการรถไฟไทย-จีน โดยรัฐบาลไทยได้ลงนามความร่วมมือกับรัฐบาลจีน ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร (รถไฟกึ่งความเร็วสูง) ระยะทาง 873 กม. แบ่งงานก่อสร้างเป็น 4 ช่วง กรุงเทพฯ-แก่งคอย 133 กม. แก่งคอย-มาบตาพุด 246.5 กม. แก่งคอย- นครราชสีมา 138.5 กม. และนครราชสีมา-หนองคาย 355 กม. คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2561 รวมทั้งได้ลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาความร่วมมือโครงการรถไฟทางคู่ รางมาตรฐาน 1.435 เมตร 2 เส้นทาง คือ กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ-แหลมฉบัง เชื่อมโยงกับโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย และกรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่ ส่วนเส้นทางตาก-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น-ร้อยเอ็ด-มุกดาหารคาดว่าจะลงนามในเอ็มโอยูเพื่อร่วมมือในการพัฒนาทางรถไฟไทย-ญี่ปุ่นได้ภายใน พ.ค.นี้ และเริ่มก่อสร้างภายในปี 2559 พร้อมกับแสดงความสนใจเข้ามาดำเนินโครงการถไฟฟ้าความเร็วสูงเส้นทาง กทม.-เชียงใหม่ด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทางคือ เส้นทาง กทม.-หัวหิน 211 กม. วงเงิน 81,136 ล้านบาท และเส้นทาง กทม.-พัทยา-ระยอง 193.5 กม. วงเงิน 152,712 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณารายละเอียดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาในเดือน มิ.ย.นี้ เบื้องต้นจะเปิดให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ.
ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.