ไอแบงก์มั่นใจสิ้นไตรมาส 2 หนี้ลดกว่าหมื่นล.

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ไอแบงก์) เปิดเผยว่า มอบหมายให้คณะกรรมการสรรหาตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ที่มีน.ส.บัณฑรโฉม แก้วสะอาด ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) และกรรมการธนาคาร เป็นประธาน เร่งเปิดการสรรหารอบที่ 2 หลังจากรอบแรกมีผู้เข้ามาสมัคร 5 ราย ผ่านสู่รอบสัมภาษณ์ 3 ราย เป็นคนใน 2 ราย และคนนอก 1 ราย ซึ่งผลปรากฎว่าไม่ผ่านเกณฑ์แม้แต่รายเดียว สำหรับคุณสมบัติทั่วไป ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี และไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ ในวันยื่นใบสมัคร เป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถด้านเศรษฐกิจ การเงิน และการธนาคาร รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการองค์กรเป็นอย่างดี นอกจากนี้จะต้องมีวิสัยทัศน์ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีทักษะในการติดต่อสื่อสารกับคณะบุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสามารถประสานงานได้ดีทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ถ้ามีความรอบรู้เกี่ยวกับการเงินตามหลักการของศาสนาอิสลาม และ/หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเป็นอย่างดี ก็จะมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากนี้ธนาคารมีภารกิจที่ต้องเร่งหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนเพื่อลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ที่มีอยู่ ส่วนข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่ามีหนี้ตกชั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากนั้น ไม่เป็นความจริง ธนาคารยังบริหารจัดการได้ มองว่ามีคนจงใจปล่อยข่าวเพื่อให้ธนาคารเสียหายและปิดตัวลงในที่สุด นายมนต์ชัย รัตนเสถียร กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการไอแบงก์ กล่าวว่า ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าหรือ สิ้นไตรมาส2 ของปีนี้ หนี้เอ็นพีแอลของธนาคารจะลดลงกว่า 1 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากการเร่งแก้ไขและดำเนินตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ให้ไว้กับคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ(ซูเปอร์บอร์ด) โดยการเร่งปรับโครงสร้างหนี้และขายหลักประกันหนี้บางส่วน ทำให้หนี้เริ่มลดลงเรื่อยๆ จากเดิมอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท และสามารถปล่อยสินเชื่อรายย่อยได้มากขึ้น “เดิมตั้งเป้าลดเอ็นพีแอลในไตรมาสแรกไว้ 10,300 ล้านบาท แต่เนื่องด้วยต้องรอระยะเวลาตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กำหนดไว้ที่ 3 เดือนให้ลูกหนี้กลับมาเป็นปกติ ทำให้หนี้ที่ลดลงจะเห็นผลในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ และอาจลดได้มากกว่าเป้าที่วางเอาไว้” นายมนต์ชัย กล่าว ก่อนหน้านี้ นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะพิจารณาเพิ่มทุนให้ไอแบงก์จำนวน 2,500 ล้านบาท หากไอแบงก์สามารถดำเนินการเป็นไปตามแผนฟื้นฟูที่ให้ไว้และผ่านการประเมินอย่างเป็นทางการจากการประชุมซูเปอร์บอร์ดในครั้งหน้า