ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในรอบ 5 ปีว่า หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการผ่อนคลายเงินไหลออกเงินบาทได้อ่อนค่าลงแล้ว ที่ผ่านมาไทยเกินดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่ยังไม่มีช่องทางให้เงินไหลออกมากพอ เมื่อออกมาตรการผ่อนคลายเงินทุนไหลออกทำให้มีช่องทางให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ ทั้งนี้ เงินบาทที่อ่อนค่ามีผลต่อการส่งออกในระยะต่อไปแน่นอน แต่การส่งออกครึ่งปีหลังจะดีขึ้นหรือไม่ยังตอบไม่ได้เพราะมีปัจจัยจากเศรษฐกิจคู่ค้าต่างประเทศ ส่วนประเด็นที่การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ยังไม่มีธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยตามนั้น เพราะการลดดอกเบี้ยนโยบายหวังผลด้านเงินบาทอ่อนค่าและการส่งออก มากกว่ากระตุ้นการใช้จ่ายหรือการกู้เงินอยู่แล้ว “ผมมองว่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าได้อีก เพราะการผ่อนคลายเงินไหลออกยังเป็นเพียงมาตรการ ต้องทยอยอนุมัติออกมาเพื่อใช้ได้จริง และช่วงนั้นจะเห็นการซื้อดอลลาร์และขายเงินบาทมากขึ้นกว่านี้” ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า พอใจที่เห็นเงินบาทอ่อนค่าที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ค่าเงินบาทไม่ได้มีผลจากในประเทศอย่างเดียว ยังมีผลกระทบจากเศรษฐกิจต่างประเทศด้วย โดยเงินบาทที่อ่อนค่าเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งการผ่อนคลายการไหลออกของเงินทุน การดีขึ้นของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการปิดความเสี่ยงฐานะเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าในช่วงที่ผ่านมา แต่
การส่งออกจะเผชิญความท้าทายไปอีกระยะ เพราะโครงสร้างการค้าโลกเปลี่ยนไปหลังวิกฤติเศรษฐกิจทำให้ประเทศใหญ่หันไปสร้างห่วงโซ่การผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น จึงลดการนำเข้าสินค้า จากต่างประเทศ ส่งผลต่อการส่งออกของไทย กระทบต่อเนื่องถึงการใช้จ่ายภาคเอกชนซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ธปท.มองเศรษฐกิจไทยฟื้นช้ากว่าที่คาด ทำให้ กนง.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ถือเป็นการทำล่วงหน้าไปก่อน เพื่อป้องกันการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่มากเกิน และยังลดโอกาสที่จะเกิดภาวะเงินฝืด อย่างไรก็ตาม การลดดอกเบี้ยครั้งนี้คงไม่ก่อให้เกิดหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น เพราะที่ผ่านมาการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อบุคคลชะลอตัวขณะที่การให้ใบอนุญาตนาโนไฟแนนซ์จะช่วยผู้กู้รายย่อยที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินในระบบเข้าสู่ระบบได้.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์